“สงคราม”ชี้เกษตรกรยุค”เพื่อไทย”รายได้พุ่ง

อัดฝ่ายค้านอย่าค้านทุกเรื่องแนะควรเห็นแก่ความสุขของประชาชน

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ทีปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทย ณ สิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 91.4% หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลังจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มาถึงวันนี้ ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับทราบปัญหาและหามาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้รัฐบาลทราบดีว่าตราบใดที่เศรษฐกิจฐานรากยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงและแข็งแกร่ง และภาระหนี้ที่สูงจะยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจต่อไป ฉะนั้นแล้ว การดำเนินการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนและเป็นระบบมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ครอบคลุมตลอดวงจรหนี้ของลูกหนี้ ควบคู่ไปกับมาตรการสนับสนุนให้มีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามความเสี่ยง เพื่อกระตุ้นการปรับวินัยทางการเงินของครัวเรือนให้ดีขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินของครัวเรือนไทยได้ในระยะยาว

“ที่ผ่านมารัฐบาลเดินหน้าในการยกระดับสินค้าเกษตรในทุกประเภท จะเห็นได้ว่า 5 สินค้าที่มีผลกระทบกับเกษตรกร อาทิ ราคาข้าวเปลือกเพิ่มสูงขึ้นเป็น 11,000-12,000 บาทต่อตัน ราคายางพาราอยู่ที่กิโลกรัมล่ะ 70 บาท  มันสำปะหลังจาก 2.40 บาทอยู่ที่ 4.00 บาท  แอสดงให้เห็นว่า แนวทางที่รัฐบาลเดินทางมาถูกแล้ว หลังจากนี้รัฐบาลเตรียมผลักดันนโยบายที่จะเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ดังนั้นขอให้พรรคการเมืองดูที่ภาพรวมและความสุขของประชาชนอย่าค้านทุกเรื่อง ความพยายามที่จะฉุดรั้งนโยบายดีๆที่มีขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่เกิดประโยชน์กับฝ่ายใดเลย “นายสงคราม กล่าว