‘ประเสริฐ’ ตอบกระทู้ ส.ว. ภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ความเสียหายเฉลี่ยวันละ 100 ล้าน

ระบุปัญหาที่พบ ซื้อสินค้าออนไลน์ไม่ตรงปก เสนอ สคบ.ดูสินค้า 7 วันก่อนจ่ายเงิน ลั่น รบ.พร้อมยกระดับแก้ปัญหาเป็นวาระแห่งชาติ

วันที่ 11 มีนาคม 2567 ในการประชุมวุฒิสภา มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด เรื่องการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ของ พล.ต.โอสถ ภาวิไล ส.ว. ถาม รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงมีคำถาม คือ 1.รัฐบาลมีมาตรการและแนวทางในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่อย่างไร 2.รัฐบาลมีแนวทางในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้เท่าทันกลลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ และ 3.เนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นแก๊งมิจฉาชีพที่เป็นภัยสังคมที่น่าหวาดกลัวและจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลง รัฐบาลมีความคิดหรือมีแผนที่จะป้องกันและปราบปรามมิจฉาชีพนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติหรือไม่

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ยอมรับว่าขณะนี้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น และถ้าย้อนไปในช่วงสถานการณ์โควิด มีการใช้โซเชียลเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานการณ์เริ่มมีความรุนแแรงและแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มใช้โซเชียล เข้ามาทำความเสียหายให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้กระทรวงได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ดำเนินการจับกุมมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การระงับบัญชีม้า อายัดบัญชีม้า บัญชีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและบัญชีได้ที่มีเหตุต้องสงสัย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยึดทรัพย์ สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) มีโครงการสายด่วนแจ้งหลอกการลงทุน เช่นเดียวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำงานกับกระทรวงอย่างใกล้ชิด สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบซิมที่ใช้ในการกระทำความผิด และตรวจสอบว่าซิมใดมีอัตราการใช้ที่ผิดปกติ ใน 1 วันถ้ามีการใช้เกินกว่า 100 ครั้ง ให้ตรวจสอบไปยังผู้ใช้ และถ้าไม่สามารถตรวจสอบได้จะระงับการใช้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการยืนยันตัวตน

“ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือการซื้อสินค้าที่ไม่ตรงปก ในเรื่องนี้ทางกระทรวงได้ประสานงานไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในเรื่องการดูสินค้าก่อนจ่ายเงิน โดยกระทรวงเสนอไป 7 วันแล้วค่อยจ่ายเงินให้ผู้ขาย”

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงได้มีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (เอโอซี) 1441 ขึ้นมาบริการประชาชนแบบครบวงจร 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้เอโอซี ได้บริการประชาชน เฉลี่ยวันละประมาณ 3 พันกว่าคู่สาย และอยู่ระหว่างการขยายคู่สายเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยมีการกำหนดโทษผู้กระทำผิด ตรวจสอบพฤติกรรมผู้ต้องสงสัยธุรกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย

“ถ้าเป็นบัญชีม้าใครไปรับจ้างเปิดจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นธุระจัดหาบัญชี จำคุก 2-5 ปี ปรับ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น และประสานงานกับต่างประเทศเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาแล้ว”

นายประเสริฐ ยังกล่าวด้วยว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ศูนย์เอโอซีได้รับ เฉลี่ยความเสียหายวันละประมาณ 70-80 ล้านบาท บางวันไปถึง 100 ล้านบาท ความเสียหายระดับต้นคือการหลอกให้ซื้อสินค้าความเสียหายด้านนี้เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายเป็นจำนวนเงินไม่มาก ความเสียหายที่เป็นเงินจำนวนมากคือหลอกให้ลงทุนเฉลี่ยต่อวันเป็นสัดส่วนที่สูงมาก ในเรื่องนี้กระทรวงได้ยกระดับการทำงานให้เข้มข้นขึ้นเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหา หากการดำเนินการดังกล่าวยังไม่เพียงพอ รัฐบาลพร้อมที่จะยกระดับปัญหาดังกล่าวขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ