24 ตุลาคม 2024

ผ่านโลกมาแตกฉาน รู้ซึ้งเห็นแจ้ง “พรรคก้าวไกล” หัวขาด“ถูกยุบพรรค” ไม่ต้องมาพิพัก-พิพ่วน ให้อึดอัดใจไปทำไม

“เสธ.โหน่ง” พล.ท.พงศกร รอดชมพู ผู้มีชื่อเดิมว่า “ทรงพล” อดีตรุ่นพี่แถวหน้า ของพรรคอนาคตใหม่

ผู้ถูกยุบพรรครุ่นเดียวกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-ช่อพรรณิการ์ วานิช” ฟันฉับ ก้าวไกลถูกยุบพรรคแน่

เพราะเป็น “พรรคเนื้อร้าย” เสมือนเป็น “เนื้อเสีย-เนื้องอก” ที่กัดกิน“อำนาจเผด็จการ”ให้สาบสูญหมดไปจากไทย

จึงไม่มีทาง “อยู่คู่ฟ้าดิน” กับ “เผด็จการ” ที่ยังแฝง โดยแอบซ่อนเร้นอยู่กับอำนาจที่ไม่เคยปล่อยมือ

เมื่อไม่ให้ “ก้าวไกล” ขยายกิ่งก้านสาขาไปไกลกว่านี้ จึงต้อง“ตัดไฟเสียแต่ต้นลม”เพื่อไม่ให้ทุกอย่างลุกลาม

ว่ากันถึง “เสธ.โหน่ง” พล.ท.พงศกร รอดชมพู ท่านเป็นนายทหารระดับหนึ่งในตองอูเหมือนกัน สำเร็จการศึกษาจาก “ตท.รุ่น ๑๔” รุ่นเดียวกันก้าวสู่หัวแถวของกองทัพยกกะบิ

เพื่อนร่วมรุ่น “พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง” อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อัครา เกิดผล อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก

จึงรู้ถึงทิศทางลม ไม่ออกมา “คร่ำครวญ”ให้เปลืองวาทศิลป์ หนทาง “ก้าวไกล” ไม่ถูกยุบ “ลั่นประตูปิดตาย”

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไปดูต้นแบบ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่โรเนียว ก็อปปี้มาจากประเทศเยอรมัน และสวีเดน ว่ามีอำนาจแค่ไหน

เอกซเรย์ฐานอำนาจของ“ศาลรัฐธรรมนูญ”กันแล้ว มีหน้าที่“ปกป้อง”ไม่ให้“มีการออกกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ”เท่านั้น

กล่าวครือ, สภาผู้แทนราษฎร หรือ “สส.” ออกกฎหมายกันมา แต่ไม่เข้า“ง่ามถ่อ”ของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ เมื่อมีการส่งกฎหมายมาถึง และ“ศาลรัฐธรรมนูญ”ของประเทศตะวันตก เห็นว่าไม่เป็นไปตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ

ก็แจ้งเรื่องดำเนินการ ให้ปรับปรุงกฎหมายให้เป็น “เนื้อเดียวกับรัฐธรรมนูญ” ที่กำหนดเอาไว้ ไม่มีอำนาจไปมากกว่านี้

ต้องยอมรับ “องค์กรอิสระของไทย” ที่มี“ปีกกล้า-ขาแข็ง” เป็น“พยัคฆ์”ที่เสริมเขี้ยวเล็บ ทรงประสิทธิภาพสมใจนึกยิ่งนัก

นับแต่“รัฐธรรมนูญ ๔๐” เป็นต้นเรื่องก้าวแรกให้มี“องค์กรอิสระ”กันขึ้นมานั้น ไม่มี “อาญาสิทธิ์” ชนิด“ชี้ต้นตาย-ปลายต้นเป็น” เสียหน่อย

แต่ได้“มรดก”กันมาเต็มๆ จากการ“ปฏิวัติรัฐประหาร” เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เสริม-เติมพลังให้“องค์กรอิสระ” เพื่อกำหลาบเหล่านักการเมือง

เพราะมีการมองว่า“สส.” คือความเลวร้าย จะต้องมีเครื่องมืออย่าง“องค์กรอิสระ” คอยลงดาบให้จั๋งหนับบุเรงนอง

และมา“ปฏิวัติยุค คสช.” เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ก็มีการเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิสระอีกกระทอก ชนิดเสริมแกร่งเข้าไปอย่าง “ฟูลทีม” เหนือกว่า“อำนาจประชาชน”หลายสิบเท่าตัว

ทั้งที่“นักการเมือง”มาจาก“ประชาชน-คนทั้งประเทศ” แต่กลายเป็น“ผู้รองบ่อน” โดนเขา“ไล่ต้อน”จนไม่มีที่ยืน

หลายองค์กรอิสระ มี“ต้นแบบ”มาจากตะวันตก แต่มาสร้างบทบาทจนต่างจากชาติที่เป็น“ต้นคิด”ในเรื่ององค์กรอิสระขึ้นมา

เพราะ“ประชาธิปไตย” อำนาจเป็นของ“ประชาชน” ควรยึดโยงเอาประชาชนเป็นใหญ่

“องค์กรอิสระ” มีอำนาจผ่านมาจาก“แม่น้ำร้อยสาย” ที่“ฝ่ายยึดอำนาจ”ออกมากฎหมายมาใช้กันอย่างยาวนาน

ทุกพรรค ทุกปาก ทุกเสียง กระทั่ง สว.เอง ก็ยอมรับว่า “เราเป็นชาติประชาธิปไตย”

กฎหมายทุกอย่างจึงต้องตราผ่านอำนาจประชาชน แต่ทุกวันนี้ ยังใช้“อำนาจปฏิวัติ”กันอยู่โครม ๆ

ควรรื้อกฎหมายล้าหลัง “ที่ฝังประเทศนี้” ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเสียที น่าดี-ที่สุด

“กะพรุนไฟ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *