อุบาย-จากปลายปืน
“อุบาย”จำเป็นต้องมี แต่มิใช่“วางกับดัก-ประเทศ”จนไปสู่“ความล่มสลาย”
“เจ้าเล่ห์-ร้อยลิ้นกะลาวน” ที่พากันตีหน้าซื่อออกมาให้“รับร่างรัฐธรรมนูญ ๖๐” ของ“มีชัย ฤชุพันธ์” กันไปก่อน ขู่ซ้ำทับด้วยว่า “ถ้าไม่ผ่านประชามติ ก็จะไม่มีเลือกตั้ง” เป็น“คำสั่ง”ที่ใช้“ปืน”เป็นใบเบิกทาง จึงได้ผลทันที
และหากมี“ผู้คัดค้าน” ไม่เห็นด้วยกับ“ร่างรัฐธรรมนูญ” ที่“พันธนาการประเทศ”จนกระดิก-กระเดี้ยตัวไปไหนไม่ได้ ก้อจะใช้กำลัง“ทหาร-ตำรวจ” เรียกมา“ปรับทัศนคติ”
นี่แค่ใช้“รัฐธรรมนูญ”กันมาแค่ ๖-๗ ปี ก็ส่ง“ผลพวง”ตามหลังอันเป็นที่สยด-สยองตามมาไม่เว้นแต่ละวัน
เป็น“กับดักอสูร” ที่ไม่สร้าง“ผลพูน”อันเกิดประโยชน์ตามมาเลย
จุดประสงค์หลัก เพื่อ“ดองเค็ม-แช่แข็งประเทศ” ไม่ได้เดินก้าวหน้าเพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นสากล
อุบายที่ให้“รับไปก่อน แล้วแก้รัฐธรรมนูญทีหลัง” มันเป็น“ลมปากพล่อย ๆ” ที่เสมือนเป็น“มิจฉาชีพ” ที่ไม่เคยคิด“รักษาสัจจะแห่งตนเอง” ก่อความ“เหลวแหลก”ให้กับชาติกันมา เพื่อสนองอำนาจ“การปฏิวัติ”ของผู้ที่ใช้ปืนเท่านั้นเอง
ถ้ามี“จิตสำนึก” คงจะไม่มี“โครงสร้างของแผ่นดิน”ที่สร้างความป่นปี้ ยับเยิน เสียหายเลอะเทอะได้ถึงขนาดนี้
เป็นเล่ห์เหลี่ยม เชิงกล ของ“ลายพราง”ที่จะ“ฝังลึกอำนาจ”ของตัวเอง เพื่อส่งมรดกให้แก่รุ่นต่อไป
แต่นักประชาธิปไตยสายพันธ์แท้ “จาตุรนต์ ฉายแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ “อดิศร เพียงเกษ” สส.ปาร์ตี้ลิสต์ แห่งเมืองหมอแก่น อยากจะ“ล้าง”รัฐธรรมนูญหยำฉ่านี้เสียให้สาบสูญ
คิดว่า “ควรลงมติแค่ ๒ หนก็เพียงพอ”..แต่เจอ“จระเข้ตัวเก่า”บางคนจาก“กลุ่มลากตั้ง” ต้านต้องลงมติ“๓ หนด้วยกัน”
เปลืองทั้งงบ-เสียเวลา และไม่รู้ว่าจะไปจบกันจริงๆ เมื่อไหร่
“อำนาจแก้รัฐธรรมนูญ” เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมอย่างเต็มไม้-เต็มมือของ“สภาผู้แทนราษฎร” ซึ่งได้รับ“เสียงสวรรค์ไปจากประชาชนแล้ว” จะมาอ้อยอิ่ง-ทิงนองนอย แบบนี้ถูกที่ไหน
“ประธานสภาผู้แทนราษฎร”มีประชาชนเป็นภูมิคุ้มกัน แต่ทำไม“ท่านวันนอร์”จะต้องมา“เล่นท่ายาก” ไม่บรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่“พรรคเพื่อไทย” และ“พรรคก้าวไกล” ประสานใจกันเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อเอา “อำนาจต้นแบบ”อันแท้จริงของประชาชน กลับมาใส่มือชาวบ้านกันล่ะท่าน
มิควร“เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” เห็นสิ่งไม่ชอบ แต่ไม่เร่งแก้ไข “ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ” แต่ไม่สามารถ“เพิกถอน” เพื่อยกเลิก-ล้มเลิก“รัฐธรรมนูญ”ที่ตราโดยพวกใช้อำนาจปืนได้
สิ่งที่เป็น“ต้นกำเนิด” จุดเริ่มต้น บ่อเกิดที่ทำให้ทุกอย่าง“ไม่ประสพความสำเร็จ” ไร้ผลเพื่อให้ประชาชนอยู่ดี-กินดี มันต้องเร่ง“ชำระ-สะสาง” เพื่อคลี่คลายกับดัก และปัญหาที่ผูกขึ้นจากปืนอันมาใช้บังคับคน
“ท่านวันนอร์” หวั่นเกรง เกรงกริ่ง หวาดกลัว สะพรั่งใจ ถึงตำแหน่ง“ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ควรนึกไตร่ตรอง ครุ่นคิดถึงเสียงของชาวบ้านที่ได้เลือกท่านเข้ามา
ปัจจุบันรัฐธรรมนูญเป็นโคตรปัญหา เป็นดัง“คอขวด”ที่ตีบตัน ทำให้บ้านเมืองขยับ-เขยื้อนไปไหนไม่ได้
เป็นผู้นำ“แห่งสภานิติบัญญัติ” ต้องยึดผลประโยชน์ประชาชน อันเป็นข้อที่ต้องปฏิบัติตามจริยธรรมมาก่อน
ไม่ใช่เห็นแต่“เก้าอี้”บุญพา-วาสนาส่ง ในอำนาจที่มี“เก้าอี้ไว้รองนั่ง”
“บรรจุร่างรัฐธรรมนูญ”เสียดีกว่าจะต้องไปทำ“ประชามติถึง ๓ ครั้ง” เปลืองเงินแผ่นดิน-สิ้นเปล่าอย่างไม่เกิดประโยชน์
จงทำเพื่อประชาชน.. ถึง“เก้าอี้จะหล่น” คนทั้งประเทศต้องหนุนท่าน ถ้าทำเพื่อเขาจริง
“กะพรุนไฟ”