24 ตุลาคม 2024

‘พนัส ทัศนียานนท์’ นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ว. ร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนระเบียบแนะนำตัวของ กกต.

0

จวก กกต.มีอำนาจอะไรคิดเงื่อนไขห้ามหาเสียง ขัดหลักประชาธิปไตย จะให้มี ส.ว. 200 คน แต่ประชาชนไม่รู้เรื่อง

นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 ที่ศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 เมษายน

นายพนัส กล่าวว่า จากระเบียบ กกต.ที่ออกมามีประเด็นที่อยากให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อที่ 7, 8 และข้อ 11 โดยเฉพาะข้อห้ามในเรื่องของการแนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมไปถึงโซเชียลมีเดียด้วย พวกเราคิดว่า กกต.ไม่มีอำนาจมากำหนดและจำกัดสิทธิในการแนะนำตัวผู้สมัคร ซึ่งเราเห็นว่าสิ่งที่ กกต.ออกระเบียบออกมาเป็นการจำกัดสิทธิพวกเรามากเกินไป

นายพนัส กล่าวว่า พวกเราทราบดีว่าระเบียบนี้ยังไม่ได้บังคับใช้เนื่องจากต้องรอพระราชกฤษฎีกา แล้วต้องรอให้เราเป็นผู้สมัคร วันนี้เรายังไม่เป็นผู้สมัคร แต่เป็นผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสมัคร ดังนั้น จึงมองว่าควรมีสิทธิเสรีภาพในการแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักให้ประชาชนทั่วไป เพราะ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยที่มีส่วนได้เสียโดยตรง และในครั้งนี้ยังได้ร้องให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวด้วย รวมถึงขอให้ไต่สวนฉุกเฉินต่อระเบียบดังกล่าว โดยหวังให้เร็วที่สุด เพราะมองว่ายิ่งศาลไต่สวนเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี

“อย่างผมเอง ผมก็แนะนำตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นคนแรกที่แนะนำตัวผ่านเฟซบุ๊กว่าผมตั้งใจจะลงสมัคร ส.ว. พอมีระเบียบนี้มันก็เป็นประเด็นขึ้นมาว่าเราจะสามารถทำสิ่งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องการให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้นมา โดยเรามองว่า กกต.ไม่น่าจะมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขในการแนะนำตัวได้แคบถึงเป็นระบบปิด อำนาจของ กกต.กับสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจำกัดในการที่ออกระเบียบนี้มา มีความสมดุลมากน้อยแค่ไหน” นายพนัสกล่าว

กรณีหากศาลไม่รับคำร้องจะดำเนินการอย่างไร นายพนัส กล่าวว่า ต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองหมายความว่าเป็นการคุ้มครองผู้ฟ้อง นั่นคือพวกเรา และข้อบังคับใช้ที่ กกต.จะไม่มีผลต่อพวกเรา

สำหรับระเบียบนี้จะมีการเอื้อหรือกระทบต่อใครหรือไม่ นายพนัสกล่าวว่า กระทบต่อพวกเราโดยตรงอยู่แล้ว เราไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแนะนำตัวเองได้เลย และที่สำคัญที่สุดคือเป็นการปิดปาก มัดมือมัดเท้าพวกเรา แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นในระดับอำเภอ จังหวัด หรือประเทศ ซึ่งระเบียบนี้เราไม่สามารถไปร้องต่อใครได้เลย

ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าระเบียบนี้เป็นการสกัด ส.ว.สีส้ม นายพนัสกล่าวว่า เราไม่ได้พิจารณาในประเด็นสีส้มหรือสีอะไร เราก็แค่อยากจะยึดตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยระบบตามระบอบประชาธิปไตยควรจะเป็นระบบเปิด เพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน

“การจะมี ส.ว. 200 คน ปรากฏว่าประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะถูกต้องกับหลักของประชาธิปไตย” นายพนัสระบุ

การที่ กกต.ระบุว่าได้เก็บข้อมูลผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครในเว็บไซต์ Senate67 และหากพบว่ามีมูล ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ นายพนัสกล่าวว่า นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ กกต.ไม่ได้บอกว่ามีอำนาจอะไรที่สามารถดำเนินการอย่างนั้น และเท่าที่ได้ฟังข่าวเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ก็เห็นว่าสามารถแนะนำตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ว่าห้ามชี้นำ หรือฮั้วกัน หากเป็นจริงตามข่าวก็แสดงว่า กกต.ยอมรับว่าสามารถทำได้

นายพนัส ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่เป็นประเด็นน่าเป็นห่วงคือมาตรา 36 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ได้มีการกำหนดโทษไว้ด้วยว่าถ้ากระทำการผิดเงื่อนไขหรือวิธีการที่ กกต.กำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าระเบียบที่ กกต.ได้ออกมาเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือไม่ ถึงขนาดว่าถ้าทำผิดเงื่อนไขจะต้องติดคุกเป็นปีและถูกตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ สิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรมีโทษมากขนาดนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *