ระเบียบ-เสียบปักอก
เป็น“ศิลปะ”ของ“เทคนิค”เฉพาะกลวิธี ดูเหมือน“รัฐธรรมนูญ ๖๐”ใช้ชั้นเชิงชน.. “ร่างกฎหมายสูงสุดของประเทศ” ด้วยหลักการที่กำกวม
คือต้อง “คลุมเครือ เคลือบแคลง” มีการ“ตีความ”ให้สะเด็ดน้ำกันอยู่มิได้ขาด
“รัฐธรรมนูญ” ต้องเข้าใจง่าย-รู้ได้ไว ไม่มีการ“พลิกแพลง-หลีกเลี่ยง” ไม่เป็นตามธรรมชาติ
ประเทศที่เขาก้าวหน้า-พัฒนา พากันไปเหยียบนอกโลก ไม่สร้าง“สิ่งคร่ำครึ” ให้ประชาชนถอยหลัง ทุกอย่าง “ต้องเข้าใจง่าย-เข้าใจไว” ไม่ใช่ต้องมา“ตีความ”กันอยู่ทุกเรื่อง
“กฎเกณฑ์ อันเป็นคำสั่ง ข้อบังคับ”ที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จะต้องรู้กันมากว่า “๗๐ ส่วน ใน ๑๐๐ ส่วน” ที่ร่างกันมา
แต่ทุกเรื่องใน“รัฐธรรมนูญ-มีชัย” เหมือนเป็น“เขาวงกต” ซับซ้อน ยุ่งเหยิง วกวน ยากเย็นกว่า“แก้ฝอยขัดหม้อ”ให้แยกกัน
ขนาด “นักการเมือง”ที่เจนจบ รอบรู้ กว้างขวาง ชำนาญรัฐธรรมนูญมาเป็นอย่างดี ยัง “ตกม้าตาย-หงายหลัง” เสียความรู้ที่ตัวเองมา จนกลายเป็น“คนด้อยปัญญา” เราก็เห็นกันอยู่ นี่ครับ
รวมไปถึง “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” ที่ได้ตรากฎเหล็กจน“ผู้พิพากษา”ยังไปไม่ถูก..
ดังนั้นเมื่อเป็นดังนี้ ลองมาฟังทัศนะคติ ของ “ท่านนคร พจนวรพงษ์” อดีตผู้พิพากษาอาวุโส จะพลอยได้รับรู้ถึงสัจธรรม “ความจริงแท้” ที่ได้ปรากฏเห็นชัดในด้านการใช้ “เทคนิคชั้นสูง”
“ระเบียบ”ของ“กกต.” ควรอำนวยความสะดวก ให้เกิด“ความคล่องตัว” ไม “ติดขัด” เกิดอุปสรรคสารพัด-สารเพ
ทำไมต้องใช้ถ้อยคำว่า “อาจจะผิดกฎหมาย” หรือ “ส่อไปในทางที่อาจจะผิดกฎหมาย”
นำเอาคำว่า “อาจจะ” ที่มีลีลา “ดิ้นเป็นลูกกระเดือก” ไปทางไหน ก็ได้
อะไรที่“ผิด” ก็ให้โป๊ะเชะ-อย่าให้ได้มีการเอ๊ะ ตามหลังมาจะดีกว่ามิใช่หรือ
ไม่ใช่มาบอก “อาจจะ” แล้วนำไปวินิจฉัยเอา “พวกใคร-พวกมัน” ถ้าอย่างนั้น“อาจจะผิดรัฐธรรมนูญ”
อย่าลืมว่า การต่อสู้ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า “ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อสู้ครั้งเดียวจบ” แต่ต้องมีการ“เย่อ” ดึงรั้งสู้เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความเป็นธรรมในแผ่นดิน
ทำให้ “คุณพนัส ทัศนียานนท์” นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่ประกาศตัวเข้าสู่“เวทีลุยไถ” ร่วมเข้าสมัคร สว.กับเขาด้วย ต้อง“ขี่ม้าสามศอก”เพื่อไปฟ้อง-ไปบอก“ศาลปกครอง”อย่างคล่องไว ชนิดที่“ส่งไลน์”ยังไม่เร็วเท่านี้เลย
ขอให้ “ศาลปกครอง” มีคำสั่ง“เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้ง” ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกวุฒิสภาฯปี ๖๗
“ที่เป็นข้อห้ามแนะนำผู้สมัครผ่านสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดีย”
พร้อมให้ “ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว” เปิดโอกาส“ผู้สมัคร สว.” อยู่ในแสงและ“สปอร์ตไลท์” ที่ผู้สมัครคนอื่นจะได้รู้จัก
แค่ “แนะนำตัวอยู่กับสื่อ” ไม่ใช่เป็น“แรงจูงใจ”ชักนำ หรือโน้มน้าว ให้ผู้สมัคร สว.คนอื่นมาคล้อยตามเสียทีไหน บางคน“บ้านชิด-ติดรั้วกันแท้ ๆ” ยังไม่รู้จัก ก็มีอยู่ให้ถมเถ มากมาย-ก่ายกอง จนชาชิน
“กกต.”ประสงค์อยากให้มี“ผู้สมัคร สว.”ตื่นตัว “สนองตอบ”มาร่วมสมัครสมาชิกสภาสูงกันมากๆ ควร “โละระเบียบ”ที่เป็น“คอขวด” แคบและตีบตันอันนี้เสีย
ทุกอย่างไม่อยากให้มีการ“ได้เปรียบ-เสียเปรียบ” เปิด“ทางด่วน” บัสเลนพิเศษ ให้คนมีเงินและมีชื่อเสียงได้เก้าอี้ไป
ควรให้เขาสู้“อย่างเป็นธรรม” ด้วยกติกาที่ไม่ได้ “ขี่คอเอาตอแทงตา” น่าจะดีที่สุด
“กฎระเบียบ”เป็นสิ่งที่“กกต.”จัดวางขึ้น ด้วย“อรหันต์เพียงไม่กี่คน”
แต่คนนับล้านพากันท้วงติง..ท่านต้องตัด “ระเบียบนี้ทิ้ง”
สร้างสิ่งดีๆ ฝากไว้ในแผ่นดินเถิดครับ
“กะพรุนไฟ”
