ดร.สุชาติ ชี้! ส่งออกไทยเติบโตต่ำ มีค.67ติดลบกว่า10% เหตุจากค่าเงินบาทแข็งเกินไป
ระบุ ในรอบระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งกว่าเงินด่องเวียดนามถึง 44%
ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์มหภาค กล่าวว่า การส่งออกไทย เดือนมีนาคม 2567 มีมูลค่า 24,960.6 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 10.9% โดยภาพรวมไตรมาสแรก การส่งออก ติดลบ 0.2% เนื่องจากดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยหักเงินเฟ้อ)สูงเกินไป ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐมาก เป็นเหตุให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไป ทำให้สินค้าออกแข่งขันสู้ไม่ได้
“หากเทียบ 10 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินด่องเวียดนาม 44% แข็งกว่าเยนญี่ปุ่น 45% แข็งกว่าดอลลาร์สหรัฐ 15% แข็งกว่ารูปีอินเดีย 50% แข็งกว่าหยวนจีนแข็งกว่าริงกิตมาเลเซีย 25% และแข็งกว่าเงินของประเทศส่วนใหญ่ของโลก ดังนั้นแบงค์ชาติคงต้องรีบลดดอกเบี้ยทางการ เพื่อปล่อยค่าเงินบาทให้อ่อนลงใกล้ๆ มาเลเซีย ไม่เช่นนั้นระบบเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำมาก ประชาชนจะยากจน ประเทศไม่มีอนาคต”
ดร.สุชาติ แนะนำว่า รัฐบาลควรตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อเป็น 2-4% แทน 1-3% และไม่ควรมีอัตราเงินเฟ้อติดลบ โดยแบงค์ชาติจะต้องไปลดดอกเบี้ย และเพิ่มปริมาณเงิน (QE) ให้ได้ตามเป้าหมาย จะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้น &รายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่ม GDP เป็นปีละ 5-6% ได้
รวมทั้ง รัฐบาลควรมีนโยบายเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate targeting) แบบจีน แบบสิงคโปร์ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทแข่งขันได้ และไม่ขึ้นๆลงๆ จนต้องตั้งราคาส่งออกแพง ทำให้ขายไม่ได้ ไปลดการกำลังการผลิต (Capacity utilization) และลดความสามารถในการเติบโต (Protential GDP)
“การใช้อัตราแลกเปลี่ยน เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง จะสร้างความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศได้ดีขึ้น รายได้จากส่งออก&ท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น และการลงทุนจากต่างประเทศจะมากขึ้น เพราะประเทศจะสามารถเจริญเติบโตในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องได้ ทำให้ดูแล้วมีอนาคต เศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำเพียง 2% ก็จะเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตสูง 5-6% ได้”ดร.สุชาติ กล่าวในที่สุด
