อย่าให้มันกำเริบ

เหมือน “รถ-ประชาธิปไตย” ที่วิ่งและแล่นอยู่บน“ผิวดวงจันทร์”..

พื้นแผ่น-แห่งดินแดนดวงจันทร์นั้น ปกคลุมไปด้วย“ฝุ่นผงละเอียด” และมี“เศษหินชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย” เป็นซากหินที่เกิดจาก“อุกกาบาต”พุ่งชน และ“แตกออก”จากแรงกระแทก ของอุกกาบาต และยังมี“ภูเขาสูง-หลุมอุกกาบาต- และหุบเหวลึกมากมาย”

นั่นเป็น“ลักษณะพื้นผิวดวงจันทร์” ที่ไม่สะดวกต่อการเคลื่อนตัวซักเท่าไหร่

เมื่อหันมาดู เปรียบเทียบกับการเดินทางของ“คณะปฏิวัติ คสช.” ช่วง ๙-๑๐ ที่ผ่านมานั้น..จะเห็นว่า “รถประชาธิปไตย” ได้ขาดเสรีภาพ-เสมอภาพ-ภราดรภาพ”ไปอย่างไม่มีวันที่จะได้กลับคืน

แต่ทันทีที่มี“รัฐบาลประชาธิปไตย”ของ“นายกฯเศรษฐา ทวีสิน”ขึ้นมา โดยมีประชาชนหนุนหลัง “ขวากหนาม”ที่ขัดขวางความเจริญ ก็ได้รับการแก้ไขอย่างมีระบบ-บางเรื่องจบลง ไปอย่างแฮปปี้

“โลกทั้งใบ” ยอมให้“ประเทศไทย”เปิดการค้าขายได้..นี่คือ“ความสำเร็จ”ในเบื้องต้น และมีเข้าสู่“ดีล”กันอย่างจริงจัง.. “สกุลเงินตรา”จากต่างประเทศทยอยเดินเข้ามาตามสเตปที่ได้มีการตกลงกันเอาไว้

นับว่าเป็น“พลังแห่งการลงทุน”ที่กลับมาฟื้นใหม่ เพื่อให้ไทยเป็น“เสือตัวที่ ๕” ตาม“บริบท”ที่เคยสร้างความสำเร็จมา

“บรรยากาศดีๆ” แต่กลับมี“พวกผีห่า-ซาตาน” ที่จงชัง-จงเกลียด ต่อผลงาน“พรรคเพื่อไทย” โหมโรง-ประโคนข่าวร้ายกันอย่างต่อเนื่อง ..“ปล่อยข่าวโคมลอย” ติดต่อโดยไม่ขาดอย่างสม่ำเสมอ

เป็นการ“จุดไฟทั้งประเทศ” เพื่อที่จะ“ไล่หนูตัวเดียว” ให้“เพื่อไทย”พ้นจากการเป็นรัฐบาล

พยายามอย่างสุดขีด “ปั้นแต่ง-กุเรื่อง”เป็นนิจสิน ว่า“รัฐบาล-พรรคเพื่อไทย”ใกล้เผชิญหน้ากับ“การปฏิวัติ”.. “ร่องรอย”อันเป็นเค้าเงื่อนก็ไม่เคยปรากฏ แต่ก็“ปรุงแต่ง”อย่างไม่ขาดตอน

เห็นขบวนการ“ปากปีจอ” ที่จ้ออย่างไม่หลับหู-หลับตา มันทำลงไปได้อย่างไรกัน ทั้งที่“ทหาร” และ“กองทัพ” ต่างเป็น“พลังเสริม-เพิ่มอำนาจ”ให้“รัฐบาล”ด้วยซ้ำไป เพราะ“คราบไคล”ที่จับเขรอะ-เปรอะเปื้อนประเทศจากการ“ปฏิวัติ” ผ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังล้างกันไม่หาย

เป็นการใช้“ลมปาก” หวัง“สร้างกระแส” ให้ประชาชนมาเดินตาม แต่ชาวบ้าน“เข็ดขยาด” และหลาบจำต่อการ“ปฏิวัติ ๑๙ กย.” และ“ปฏิวัติ ๒๒ พฤษภาฯ” ว่าเจ็บปวดทางธุรกิจแค่ไหน

เป็นบทเรียนว่า “รัฐบาลทหาร”ที่มีอำนาจเด็ดขาด ไม่ได้พา“ชาติเจริญ” และทุกการปฏิวัติ ประเทศไทยก็จะ“ถูกตัดขาด” ไม่มีที่ยืนกับ“โลกเสรีประชาธิปไตย”

“การค้าขาย”หยุดชะงัก “ความสัมพันธ์”เหมือนขาดสะบั้น ทำธุรกิจต่างชาติ-ต่างแดนยากยิ่งนักหนา “ผลร้าย”แห่งการปฏิวัติ เป็น“โทษมหันต์-มีพิษสงที่ร้ายแรง” แก้ด้วย“กลิ่นไอ-ควันปืน” ไม่เคยบรรลุถึงความสำเร็จสักครั้ง

นี่เป็นบทเรียน “สั่งสอน”ให้“ประชาชน”หน่ายแหนง เบื่อระอาต่อการ“ปฏิวัติของทหาร”เป็นอย่างยิ่ง

แต่ทว่า “ขบวนการปากมอม”ปากเสีย ยังคง“คิดเชลียร์”ให้เกิด“ปฏิวัติ”อย่างไม่ลืมหู-ลืมตา

“พศ.นี้” หากว่ามี“เข็มตกถึงพื้น”แค่เล่มเดียว ก็รับรู้กันได้อย่างทั่วไป และรวดเร็วอีกต่างหาก

ทำไมจะต้องมาปฏิวัติ ทำให้“บ้านเมืองล่มจม” สิ้นเนื้อประดาตัว ยิ่งทำยิ่งมี“ผลเสีย” มากกว่า“ผลดี”

เมื่อเป็นฉะนั้น, ด้วย“อำนาจของรัฐบาลประชาธิปไตย” ที่เข้ามาอย่างชอบธรรม “ควรใช้สิทธินั้น” เพื่อไม่ให้เกิด แรงยุ” กระตุ้นต่อมของพวกที่ ไม่หวังดี” ลุกโชกโชนขึ้นมา

พฤติการณ์นี้ “เข้าข่าย-นำความเท็จสู่คอมพิวเตอร์” ผิดกฎหมาย-กบิลเมืองอย่างร้ายแรง

ต้องจัดการพวกนี้ให้อยู่หมัด..ใช้กฎหมาย“ฟันมันชัดๆ” จัดระเบียบพวกนี้ อย่าให้มันกำเริบ

“กะพรุนไฟ”