เชื้อถ่วงแผ่นดิน
“มุ่งสร้างมิตร-ไม่ใฝ่ไม่คิดสร้างศัตรู”
เรียกว่า “เดินทางจนรองเท้าสึก” เพื่อให้ประเทศไทย“ติดจอเรดาร์ของโลก”ในการเปิดตลาดใหม่ๆ ส่งสินค้าไทยไปขาย “สร้างศรัทธา” และ“กอบโกยมิตรสหาย” ที่เลือนไปกับ“การปฏิวัติ” ให้กลับมามี“สัมพันธ์” เป็นคู่ขายกันเหมือนเดิม
แต่เหมือนสิ่งนี้เป็นของที่“บาดใจ-ทะลวงขั้วตับ” พวก“ถ่วงความเจริญประเทศ”เสียจริง
จ้องกันทุกจังหวะ จ้องกันทุกฝีก้าว เพื่อที่จะล้มรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน”นายกรัฐมนตรี ให้ได้วันละ ๒๔ ชั่วโมง
แต่ถึงกระนั้น ความเป็นมืออาชีพ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน”ไม่เคยโทษถึง“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” คงยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่เกี่ยวกับ“บิ๊กป้อม” อย่าโยงกล่าวโทษไปถึงท่าน
“พรรคของท่านร่วมรัฐบาล น้องชายท่านก็เป็นรัฐมนตรี ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี” ใจสปอร์ต-ร้อยเปอร์เซ็นต์ กันให้เห็นถึงเพียงนี้ ทุกคนควรหันมา“สามัคคี”เป็นปึกแผ่นเดียวกัน
แต่พวกที่“กวนน้ำให้ขุ่น” ยังคงคิด“ก่อเรื่อง-ก่อราว”ไม่หยุด-ไมหย่อน ทั้งที่ “รัฐบาลเศรษฐา” โดย“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ
ไม่มี“ตกหล่น” ทุกอย่าง“ครบถ้วน” ตามหลักการสากลของโลกทุกประการ..มีการ“ตรวจสอบคุณภาพข้าว” ที่เก็บเอาไว้“ในโกดัง ๑๐ ปี” ว่ายังมี“คุณค่าทางโภชนาการ”กันครบ
“สารก่อมะเร็ง” ที่“พวกเส็งเคร็ง”จ้องกันปั่นก็ไม่มี เหมือนพวก“โกหกหน้าตาย”มันสร้างเรื่องกันขึ้นมา
“ผู้ส่งออกข้าว”ที่ค้าขายกันมาตลอดชีวิต แบบช่วงก๋งถึงช่วงเตี่ย มาถึงช่วงลูกและช่วงหลาน มีความประสงค์-จงใจ ที่จะเข้าร่วม“ประมูลข้าว ๑.๕ หมื่นกระสอบ”นี้ด้วยความเต็มใจ
ทางหนึ่ง“สร้างประโยชน์ให้กับชาติ” มีเงิน“เข้าคงคลังแผ่นดิน” ไม่น้อยกว่า ๓-๔๐๐ ล้านบาท “พ่อค้าคนใด”ที่เป็น“ฝ่ายประมูลชนะ” ก็ได้“กำไร”ก้อนใหญ่-ก้อนโตมหาศาล เข้ากระเป๋าตัวเอง ชนิดที่“ฟู่ กุ้ย จี๋ เสียง”
ถอดความเป็นไทย ได้ความหมายว่า “อุดมไปด้วยเงินทอง”
“ชาติได้-เขาได้” กลับไป“หนักกบาล”พวกไม่หวังดี ซะงั้นแหละ ถึงได้ออกมา“ดีดดิ้น” เป็น“ยักษ์ขมูขี” ทำตัว“พาล”อย่างไม่มีวันโกน-วันพระเสียด้วย
แหกปากร้องเหมือนกับ“ควายถูกเชือด” ว่าข้าวนี้ไม่ดี แต่มาทำให้ขาว เพื่อส่งออกไปเอาเงินเข้าประเทศ “ยัดเยียด”กันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ที่จะให้เป็น“ข้าวอุตสาหกรรม” ขายเป็น“ข้าวอาหารสัตว์” ที่ได้ราคาเพียง“สี่ซ้าห้าบาท ต่อ ๑ กิโล”เท่านั้นเอง
“เงินหลวง” หาย-สาบสูญไปมากมาย ทั้งที่“ข้าว ๑๐ ปี”ใช้บริโภคเป็น“อาหารมนุษย์” ตามหลักโภชนาการได้อย่างมีคุณภาพ
ขายกันอย่างน้อยที่สุด “กิโลละ ๑๕ บาท”เป็นอย่างน้อย ได้“ทรัพย์ศฤงคาร”มาบริหารประเทศได้จมหู “กำหนดหมาย”ตั้งเป้ากันเป็นดิบดี ที่จะ“เปิดประมูลข้าว ๑๐ ปี” ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
มี“บริษัทและผู้ค้าข้าวส่งออก” แจ้งเจตจำนง ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่“ร่วมประมูลข้าว”ในกองนี้ถึง“๑๐ เจ้า”ด้วยกัน
แต่ทว่า “ตัวร้าย”เหมือนจงใจ จะทำลายการ“ประมูลข้าว” ให้ล้มกลาง“มรสุมเศรษฐกิจของชาติ”ที่พวกนี้ร่วมกันก่อ
จำได้ว่า “โครงการรับจำนำข้าว”หลังเก็บในโกดัง ๓ ปี ก็นำมาประมูลเป็น“อาหารสัตว์”กิโลละไม่กี่บาท ข้าวในโกดังที่เก็บไว้ไม่นาน แต่“กลับเน่า”ไปถึง ๑๘ ล้านล้านกระสอบ เงิน“หลายแสนล้าน”ไปอยู่กับใคร
ฉะนั้น,จึงต้องทำให้“ข้าว ๑๐ ปี”เป็นข้าวเน่า ..เพื่อยืนยันว่า“เน่าจริง” พวกที่งาบประโยชน์ไปจะได้ไม่ถูกลงโทษ
อย่างไรก็ดี, การออกมา“สวนกระแส” ไม่เหลียวแลว่าสิ่งที่ทำนั้น จะ“ก่อวิบัติ” ล่มจม หายนะ หรือไม่มันไม่แคร์
ถ้า“ล้มประมูล”ได้สำเร็จ.. “หลายกรรม-หลายกระทง” ที่นำข้าวดีไปขายเป็นข้าวเน่า มันก็จะรอดตัวไป
“รัฐบาลเศรษฐา” จะอยู่เป็น“เป้านิ่ง” ตำบลกระสุนตกไม่ได้แล้วนะ
ใครที่เล่นใต้ดิน..”ต้องซัดมันให้ดิ้น” จะได้สิ้นเชื้อชั่ว กันเสียที
“กะพรุนไฟ”
