ใครวิ่งเต้น-บอกมาให้เห็นตัว
เมื่อ “ดีเอ็นเอ”มันคนละสายพันธุ์ ย่อมมารวมเข้าเป็น“หนึ่งเดียวกันไม่ได้” ..ฉะนั้น, ก็ต่างคนต่างไปเถิด
นี่ไม่ใช่เป็นการ“ร่อนเทียบเชิญ” จาก“พรรคเพื่อไทย” เพื่อให้“พรรคก้าวไกล” มาเป็น“คณะกรรมาธิการงบประมาณ ๖๘”
เมื่อ“ก้าวไกล”ไม่ประสงค์ ไม่อยากได้ ไม่ต้องการ ก็ปล่อยกันไปตามบทบาทวิถี ที่เขา“ได้กำหนด”ขึ้นมาเอง อย่าไป“ตะบึง-ตะบอน” กระเง้า-กระงอด ให้“เสียเวลาของประเทศ” กันอยู่เลย
งาน“ของแผ่นดิน-ของชาติ” จะมา“รั้งรอ-รอคอย” หยุดเสียเวลาอย่างนี้เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์
การที่ก้าวไกล“สละสิทธิ์” นั่นเป็นการ“ไม่ยอมใช้สิทธิ์” ที่ตัวเองจะได้ทำหน้าที่เพื่อ“ชาติบ้านเมือง”อย่างเต็มกำลัง
เมื่อโยนหน้าที่ของ“คนเสียงน้อย” เพื่อทำหน้าที่ให้กับ“คนเสียงใหญ่”ที่เป็นเจ้าของประเทศ อย่าง“หัวหมอ”กันเช่นนี้ ก้อ,ให้เขาทำตาม“อัธยาศัย” ใจคอ ตามความต้องการ-กันดีกว่า
แต่ที่“ไม่เลอเลิศประเสริฐศรี” การไปกล่าวหา“คนที่เข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณ ๖๘” เป็นพวก“วิ่งเต้น”
ที่จะเข้ามีอำนาจ ในการ “จัดสรรงบประมาณ” ไปลงพื้นที่ในเขตเลือกตั้ง ของตน
การกล่าวหา “โจมตี” พูดเป็นเชิงตำหนิ คนอื่นเขาอย่างรุนแรง.. “คิดและพิจารณาดู” กันอย่างไร ก็ไม่งาม เอาเสียจริง ๆ
อย่างลืมว่า “กรรมาธิการงบประมาณ” ใช่ว่า“โควตา”ของ“พรรคฝ่ายค้าน” เขาจะให้แก่“ก้าวไกล”พรรคเดียวที่ไหนล่ะ ยังมี “พรรคประชาธิปัตย์” อดีตพี่ใหญ่-นักเลือกตั้งแห่งแผ่นดิน ร่วมปฏิบัติทำหน้าที่ด้วย มิใช่หรือคุณ
การ “กล่าวหาลอย” พูดพันธุ์ปากพล่อยๆ กันแบบนี้ มันไม่ใช่ “เป็นสิ่งที่สร้างมิตร”
“ฝ่ายค้าน” มีกันแค่ร้อยกว่า ๆชีวิต..นี่ยังคิด และพูด เพื่อ“บั่นทอน”ให้“ฝ่ายค้าน”แตกกันทำไม? คนเราจะต้อง“หามิตร” ไม่ใช่เปิดฉาก เพื่อลากให้เพื่อน“ไปเป็นศัตรู” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงปฏิบัติ
เมื่อ “ความตั้งใจ”ของ“ก้าวไกล”แรงกล้า บ่งบอกว่า“จัดมาก-แรงมาก”กันเช่นนี้ ก็ให้เขา“สงวนสิทธิ์”ทำไปเหอะท่าน
“พรรคร่วมรัฐบาล” และ“พรรคเพื่อไทย” จะมาเล่นเป็น“เด็กขายของ”ตามไปด้วย เห็นท่าจะไม่ถูกแน่
ทำไมต้องไป“ตามง้อ-ขอคืนดี” เพื่อให้มาเป็น“กรรมาธิการงบประมาณ”ด้วยเล่า
“งานแผ่นดิน” เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่จะต้อง“ปฏิบัติ” และ“ทำกันด้วยความเต็มใจ” เขา“ไม่สมัครใจ”กันเสียแล้ว..ไยต้องมัวมา“คะยั้น-คะยอ” ชักชวน รบเร้า ให้เปลืองความรำคาญแก่หูชาวบ้านเขาด้วย
เขาเป็น“ฝ่ายค้าน” ย่อมที่จะ“ค้าน” โดยไม่คิดจะ“สังฆกรรม”กับ“พรรครัฐบาล” ก็รู้กันเต็มอก-เต็มทรวงกันอยู่แล้วนี่
แต่อย่างไรก็ดี “การค้าน”ต้องเป็นการค้านที่เกิดประโยชน์ ด้านสร้างสรรค์ความเจริญให้กับ“ประเทศชาติและประชาชน”
“ค้าน”แบบให้รู้ว่า“ค้านนั้น” มันจะพลอยทำให้“เสียโอกาสทอง”ของชาติไปโดยไม่จำเป็น
เห็นได้จากการค้าน “สร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง” ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
“ฝ่ายค้าน”ที่มาค้านในเรื่องนี้ ว่ากระทบต่อ“มรดกโลก”..ทั้งที่เขา“สำรวจเส้นทาง”กันมาเป็นอย่างดี ไม่กระทบจั๊กหน่อย
จนทำให้เกิดการระงับ“เซ็นสัญญา”ก่อสร้างไปอย่างไม่มีกำหนด
“รฟท.”ต้องรอความชัดเจน เรื่อง“ไฮไอเอ”ให้จบก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานทะโร่ ตามมา..
ทำให้“รถไฟความเร็วสูง” ต้อง“ล่าช้า”ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดเอาไว้ ต้องสร้างให้เสร็จ“ในปี ๒๕๗๑”
ส่งผลร้ายแรงมหาศาล กับ“มหกรรมพืชสวนโลก” จัดที่นครราชสีมา-ดินแดนย่าโม ต่างชาติมีกำหนดมาเที่ยว นับแสนๆคน สกุลเงินตรา ทั้ง“ดอลลาร์” และ“เงินหยวน” ที่“ปูพรม”นำมาไปใช้จ่ายกันหลายแสนล้านบาทนั้นน่าอันตรธาน หายไป..
การค้าน“สร้างสถานีรถไฟความเร็วสูง”ที่เมืองกรุงเก่าอโยธยา ประชาชนออกมา“รุมด่า”กันอย่างไม่ไว้หน้า
เป็นการ“ขวางความเจริญ”..เห็นแล้วใช่ไหมว่า “การค้าน”ที่ไม่รู้จักหน้าที่ ส่งผลกระทบวงกว้างแค่ไหน
จงค้านเพื่อประชาชน..”ไม่ให้เกิดการปล้น”ผลประโยชน์ไปจากประชาชนนั่นแหละ คนเขาจึงสรรเสริญ
“กะพรุนไฟ”