แตกแถว-แนวรบจึงพัง
“ตาอินกับตานา หาปลาเอามากินกัน..ตาอยู่มาเดี๋ยวเดียว คว้าพุงเพรียว เพรียว ไปกิน”
เป็น“ตาอยู่” ที่อยู่เงียบกริบที่เมืองปราสาทสายฟ้า“บุรีรัมย์” ไม่มีสิ่ง“แวดล้อมใด” ที่กระโตก-กระตากออกมาให้เห็น
ทำเหมือนว่า“เฝ้าป่า-เขากระโดง” อยู่กับเหย้า-เฝ้ากับเรือน ติดบ้านไม่ใส่ใจในการ“เลือกตั้ง สว.๖๗”
แต่เมื่อผลเลือกตั้ง“สภาสูง”ออกมา ..“เขา”เป็นผู้ที่คว้าชนะ เอาไปกินเรียบวุธ ได้“สมาชิกวุฒิสภา” เบื้องต้นมากกว่า“๑๒๐ ที่นั่ง”..รวบยอดจากเก้าอี้“สว.”ทั้งหมด “๒๐๐ คน” อยู่ในมือเบ็ดเสร็จ
และก็“เปิดโฉม”กันออกมาแล้วว่า..มี“แคนดิเดต”ใครบ้าง ที่อยู่ในหัวใจของ“ผู้บริหาร-สีน้ำเงิน” ที่จะให้เป็น“เบอร์หนึ่ง”
เป็นถึง“ประมุขวุฒิสภาฯ”..ล้วนเป็นผู้ที่มี“ตัวติดกาย-ใจติดตัว” กับ“เนวิน ชิดชอบ” และ“อนุทิน ชาญวีรกุล” แยกไม่ได้
เบอร์หนึ่งเต็งหาม-นำหน้ามาแต่ไกล ก้อ, “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ แม่ทัพภาคที่ ๑ เป็น“เตรียมทหารรุ่น ๒๒” มีสายสัมพันธ์เข้าถึง“จุดตันเถียน” และ“จุดคี้หมึง” กับ“พรรคภูมิใจไทย”เป็นอย่างดี
ก่อนที่“บิ๊กเกรียง”จะหักหัวเรือ-ถือหางเสือลงสว. ได้ดำรงตำแหน่งเป็น“ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย”มาก่อน
แน่นปั๊ก-ปักธงสีน้ำเงินกันอย่างนี้ จะให้คิดเป็นอื่นไม่น่าได้ หรอกท่านสารวัตร
ส่วนอีกคนที่คั่ว เตรียมตัวเป็น“เจ้าสำนัก สว.” นั้น..ก้อ “มงคล สุระสัจจะ” อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็น“ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์” มาเก๋ากึ๊ก จนตะไคร่น้ำจับเขียวอี๋
เป็น“สายตรง”ที่แซงทางโค้ง มาด้วยพลังรถแข่ง แห่งสนาม“ช้างอารีนา” ที่“เนวิน ชิดชอบ”เป็นพลังขับเคลื่อนอยู่
เพราะ“ส้ม-แซนควิก” ทุ่มเทคนิคกันออกมาเต็มรูปแบบ โหมกระหน่ำไปโจมตี“เลือกตั้ง สว.” ในการ“ล้มเสื้อแดง” มองแต่ “เพื่อไทย” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” และ“นายกฯนิด-เศรษฐา ทวีสิน” เป็นคนละขั้วกันอย่างถาวธ
ทั้งที่“สภาสูง” ไม่ใช่“จุดหมาย” แห่งการทำการเมืองของ“เพื่อไทย-ทักษิณ-เศรษฐา”เสียหน่อย
ถ้าเขา“มีเป้า” มีหรือที่“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” น้องเขยผู้เกิดถิ่น-ดินแดนสะตอฝักใต้ จะพ่าย“สว.”อย่างหน้าแหก เสียงที่ได้ไม่เท่าทัด กับคะแนนอดีตคนขับรถของ“ปู่ชัย ชิดชอบ” บิดาแห่งต้นตระกูล“ชิดชอบ” ด้วยซ้ำไป
เพราะส้มตั้งเพดาน หมายปองเก้าอี้“สว.”เอาไว้“๖๗ คน”..แต่นี่ได้ต่ำกว่าเกณฑ์ เพียง“๒๓ คน”เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งใน“สนามเลือกตั้ง” ที่“คณะก้าวหน้า” และ“พรรคก้าวไกล” ไม่อาจบรรลุถึง“ผลสำเร็จ” ที่ประเมินคาดไว้
เป็นการเสียฟอร์มหลายครั้งจริงๆ เสียยิ่งกว่าถูก“ระเบิดปรมาณู” ที่ถล่ม ณ เมือง“ฮิโรชิมะ” และ“นางาซากิ”เสียอีก
เพราะก่อนหน้านี้ การเลือกตั้ง“นายกฯอบจ.” ที่นครสวรรค์ และอ่างทองนั้น ก็พ่ายชนิดจนออกจากมุมไม่ไหว ปล่อยให้“เสื้อน้ำเงิน” คว้าชัยโบกสะบัด กระพือโหม เหนือ ๒ แผ่นดินที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างสง่างาม
กระทั่งการเลือกตั้ง “นายกฯ อบจ.อยุธยา” ที่“ซ้อสมทรง พันธ์เจริญวรกุล” ได้ลาออกอย่างฟ้าแลบ ซึ่งผู้ที่เป็น“เจ้าสนามแห่งการเลือกตั้ง” เพราะได้“ผู้แทน”มาสูงสุดถึง“๑๕๑ ที่นั่ง” ได้แต่อ้าปากหวอ-เหมือนรอความตาย
เพราะ“หาผู้สมัคร” ลงประกบ-กระทบไหล่ไม่ได้..จึง“เสียสิทธิ์” ลงแข่งชิงเก้าอี้“นายกฯอบจ.อยุธยา”ไปตาหน้าเฉย
ต้องบอกว่า“พรรคก้าวไกล”..“ทีมคณะก้าวหน้า” เป็นเบอร์ใหญ่ของประเทศ ที่เติบโตขึ้นมาด้วยเสียงหนุน ๑๔ ล้านเสียง ไม่มีความพร้อมในตัวผู้สมัคร“นายกฯอบจ.” เป็นไปได้อย่างไร..ฟังกันเยี่ยงใด ก็ฟังกันไม่ขึ้นกันหรอก
เหมือนการเลือกตั้ง สว.๖๗ ที่ได้“สว.ส้ม” มาเพียง“๒๓ คน” น่าจะมี“คนไม่เล่นตามเกม”
เพราะเป็น“โหวตเตอร์” แต่คิด“พาสท์ชั้น” เพื่อเป็น“สว.”เสียเอง ไม่หนุนผู้เป็น“ไพมารีโหวต” ตามที่ได้กากบาทกันเอาไว้
จึงพลาดท่าเสียทีให้กับ“เสื้อน้ำเงิน” อย่างยับเยิน ยู่ยี่ กันอย่างที่เห็น
ผิดกับพลังเขากระโดงบุรีรัมย์ที่คับแก้ว.. “โหวตอย่างไม่แตกแถว” เข้าวินกันทั้งแถว ด้วยประการฉะนี้
“กะพรุนไฟ”