‘ขงเบ้ง-บังทอง’ ของไทย

ถ้าเป็น“ดาวตก” เป็น“อุกาบาต” ที่ดิ่งด้วยความเร็ว เพื่อร่วงตกดินกันจริง

เหมือนที่มีการ“ยำใหญ่-ใส่หัวหอม” เพื่อให้เละคาปากของ“นักวิเคราะห์-ที่เจาะข่าว”พลาดกันมาตลอด

หาก“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “ไร้แสง-สิ้นแรงแห่งบารมี” เหมือนที่ทิ้งบอมบ์กันเป็นรายวันแล้ว การ“ขับเคลื่อน-เลื่อนตัวไปที่ไหน” ย่อมเหมือนกับ“อากาศธาตุ” ที่ไม่มีคนสนใจ

ฉับพลันทันที ที่“ทักษิณ” พร้อมกับ“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ผู้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เยื้องกายลงพื้นที่

ณ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ เขาใหญ่ รีสอร์ตหรูของ“อนุทิน ชาญวีรกุล” รมว.มหาดไทย ผู้เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ใช้เป็นสำนักค่ายใหญ่ในการประสานการเมืองหลายเรื่องให้ลงตัวกัน

นอกจากมีเจ้าบ้าน “รัฐมนตรีอนุทิน” เช็คแคร์อย่างไม่ตกหล่น ได้คะแนนดีเยี่ยมแล้ว ยังมีทายาทการเมืองเก๋าเกม มาร่วมพบปะ-จ๊ะเอ๋ในครั้งนี้ด้วย

“คุณสุวัจน์ ลิมปพัลลภ” ประธานที่ปรึกษาชาติพัฒนา ผู้เป็นเสาหลักที่“พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ” ฝากบ้านเมืองเอาไว้

สมัยที่“พล.อ.ชาติชาย” ผงาดเป็นหนึ่งในตองอู เป็น“นายกฯ” อยู่นั้น..มี“มือซ้าย-มือขวา” ที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง

ถ้า“เล่าปี่” มี“ขงเบ้ง”และ“บังทอง” เป็นมือทำงานระดับที่ไว้ใจได้อย่างเต็มร้อย.. “น้าชาติ”มีทั้ง“สุวัจน์”และ“ทักษิณ” เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

“ทักษิณ”เหมือนกับเป็น“ดาวฤกษ์”ที่มีแสงในตัวเอง และก็ส่งประกายเจิดจ้ากันได้ทุกพื้นที่

ทุกครั้งที่ขยับตัว เหมือนกับ“มังกรบิน” ต้องรับรู้ได้ถึงเมืองไทยกันทุกตารางนิ้ว

ฉะนั้น, ที่“ศัตรูทักษิณ”ปั่นข่าว-เต้นเรื่องเท็จ ว่า“ทักษิณ”ไม่อาจจะพา“พรรคเพื่อไทย” กลับมาผงาดเป็นที่หนึ่งได้อีก ล้วนเกิดจาก“จิตมโน” สะโล่ข่าวหลอกคนทั้งเมืองทั้งสิ้น

การไปหา“อนุทิน”ยังถิ่นมังกรหลับ ของฐานที่มั่น“พรรคภูมิใจไทย”นั้น…เปรียบไปแล้ว เหมือนการที่“เล่าปี่” พา“๓ พี่น้องแห่งดอกท้อ” ไปอัญเชิญ“ขงเบ้ง”มาร่วมงาน ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

เป็นสิ่ง“ที่ประสาน-สร้างสัมพันธ์” อย่างไม่รู้ลืม..นับเป็น“การเชื่อมต่อ-ชูช่อการรักใคร่”นั่นปะไร

ย่อมทำให้“พรรคเพื่อไทย”และ“พรรคภูมิใจไทย” เป็นเหมือน“คอนกรีตที่เสริมใยเหล็ก” ไม่มีร่องรอยแห่งการยุบสลาย

หาก“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไมตรีกับ“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ท้ายอำนาจไม่คลอนแคลน

เชื่อว่า“เพื่อไทย-ภูมิใจไทย-ก้าวไกล” ๓ พรรคนี้ คงจะ“กินรวบ-สะด๊วป”เก้าอี้ สส.ไม่ได้ดังที่เห็นนี้หรอก

เมื่อ“สายใย-ใจไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน” ทำให้“๓ พรรคนี้”พากัน“ต่ำเตี้ย-เรี่ยดิน”กันลงมา..ทำให้“๓ พรรค-หักฐานที่มั่น”ของ“พรรคพลังประชารัฐ” และ“พรรคร่วมไทยสร้างชาติ”ลงอย่างป่นปี้

“ทักษิณ”รู้ว่าการเป็น“พี่เลี้ยง”และ“เทรนเนอร์”ชั้นดีนั้น..ไม่จำเป็นต้อง“ขึ้นเวที” เพื่อ“คาดเข็มขัดเป็นแชมป์”เสียหน่อย

“คอยเทรน-เป็นผู้สอน”อยู่ข้างมุมแดง นี่ก็ทำให้“ความตั้งใจ”ที่จะแก้“ปัญหาความยากจน”ผ่านไปได้ด้วยดี

“ทักษิณ”เปลี่ยนบทบาทมาหลายอย่าง เปิดร้าน“ขายผ้าไหม”ที่สุรวงศ์ ให้“คุณหญิงพจมาน”ดูแลอยู่ในร้านคนเดียว “ไม่จ้างใคร”มาเป็นลูกน้อง เพราะไม่มีเงินจ้าง ครั้น“ทักษิณ”เสร็จรับราชการตำรวจ ก็กลับมาดูแลธุรกิจแทนคุณหญิง

“ขายผ้าไหม”เดือนเดียวเจ๊ง ก็ไม่รั้น..หันไป“ซื้อโรงหนังเก่า”ย่านราชวัตรมาทำ เจ๊งก็หยุดไปทำธุรกิจอื่น

เป็นผู้ที่“ซื้อสายหนังภาคเหนือ” แต่ก็เจ๊งอีกนั่นแหละ เพราะมีพระเอก-นางเอกที่ไม่ใช่ตัวชูโรงที่คนเขาอยากดู

เจ๊งมา“แต่ทักษิณไม่เคยหยุด”.. เมื่อมาสู่การเมืองจึงปรับตัว เข้าถึงชาวบ้านด้วยนโยบายที่ถูกใจ

“ทักษิณ”จึงไม่ใช่“ดาวดับ” แต่เขามีสิ่งใหม่ๆให้กับ“การเมือง” และ“ประชาชนเสมอ”

๒๒ สิงหาคม ๖๗ ได้“ใบบริสุทธิ์” การทำการเมืองอยู่ข้างเวที จะ“อุบัติ-จัดเต็ม”กันเต็มลูกสูบ

ที่ว่า“ทักษิณ”กลับมา “เพื่อไทย”ก็ไม่ฟื้น…

นักวิเคราะห์..“ที่เที่ยวเจาะ” เกาะน้ำลายตัวเอง ตายแน่ เพราะไม่ทัน“ทักษิณ”สักเรื่อง

“กะพรุนไฟ”