24 ตุลาคม 2024

บทวิเคราะห์ : การท่องเที่ยวล้นเกิน

0

เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) คาดการณ์ว่า จํานวนนักเดินทางทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 ล้านคน ภายในปี 2030 คิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของประชากรทั้งหมดของโลกในขณะนั้น

การท่องเที่ยวจะสร้างการมีงานทำและส่งเสริมการลงทุน ก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจภูมิภาค อย่างไรก็ตาม จํานวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวในหลายๆด้าน ตลอดจนก่อให้เกิดการท่องเที่ยวล้นเกิน

คําว่า “การท่องเที่ยวล้นเกิน” หมายถึง ความแออัดของแหล่งท่องเที่ยวเนื่องจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่มากเกินไปความทุกข์ที่เกิดจากจุดสูงสุดของนักท่องเที่ยวตามฤดูกาลต่อผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างถาวร ตลอดจนความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและความเป็นอยู่ที่ดี

“การท่องเที่ยวล้นเกิน” เป็นปัญหาระดับโลก บรรดาแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในโลกซึ่งรวมถึงกรุงปารีสฝรั่งเศส กรุงเบอร์ลินเยอรมนี กรุงเรคยาวิกของไอซ์แลนด์ เมืองเกียวโตของญี่ปุ่น เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย…ล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยว “การท่องเที่ยวล้นเกิน” กําลังทําลายภูมิทัศน์ และสิ่งแวดล้อมส่วนท้องถิ่น ก่อให้เกิดมลพิษต่อชายหาด สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น และทําให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้น

ในสถานที่บางแห่งที่จัดการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก ชาวท้องถิ่นกําลังเฝ้าดูบ้านเกิดของพวกเขาถูกครอบงําด้วยร้านขายของที่ระลึก ฝูงชน รถทัวร์ และบาร์ที่มีเสียงดัง ตลอดจนสูญเสียเอกลักษณ์ในท้องถิ่นไป

นอกจากนี้ ชาวท้องถิ่นยังต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพเนื่องจากการพัฒนาการท่องเที่ยว ปัจจุบัน หลายเมืองทั่วโลกกําลังเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งก่อให้เกิดการเก็งกําไรราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในชุมชนท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น กรุงอัมสเตอร์ดัมเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์มีประชากรถาวรประมาณ 1.1 ล้านคน แต่ในปี 2023 มีนักท่องเที่ยวมากถึง 5 ล้านคน มาเยี่ยมชม ความต้องการเช่าบ้านระยะสั้นจากนักท่องเที่ยวได้ผลักดันให้ราคาอพาร์ทเมนต์และโรงแรมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยของคนในท้องถิ่น

“การท่องเที่ยวล้นเกิน” ทําให้ความตึงเครียดระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยในจุดหมายปลายทางรุนแรงขึ้น โดยมีชาวยุโรปจํานวนมากไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างยิ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของยุโรป เช่น เวนิสของอิตาลี บาร์เซโลนาของสเปน และลิสบอนของโปรตุเกส ล้วนมีชาวท้องถิ่นประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นเพราะการท่องเที่ยวกําลังทำลายชุมชน ราคาที่อยู่อาศัยแพงเกินไป มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การจราจรติดขัด การขาดแคลนน้ำ และความแออัด

สวนดอกไม้ Keukenhof ในเขตชานเมืองอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสวนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เคยรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 200,000 คนภายในเวลา 4 วัน ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยว 80% มาจากต่างประเทศ ชาวบ้านบ่นว่า แทนที่ไปจะเจอนักท่องเที่ยวล้นหลาม อยู่บ้านจะสุขสงบกว่า

นักท่องเที่ยวที่มีเสียงดังและไม่สามารถจัดการได้มีอยู่เต็มทุกหนทุกแห่ง ก่อให้เกิดความแออัดและขยะที่ตามมา และสร้างแรงกดดันต่อการจัดการเมือง จากสถิติ ยอดเขาเอเวอเรสต์ที่สูงที่สุดในโลกต้อนรับนักท่องเที่ยวหลายแสนคนทุกปี และนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทิ้งขยะหลายร้อยตันบนภูเขา

ทะเลสาบเกลือฉาข่า มณฑลชิงไห่ ทางตะวันตกของจีน ก็ได้รับผลกระทบจากการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวเช่นกัน จากสถิติพบว่า ในช่วงพีคของการท่องเที่ยวทะเลสาบเกลือฉาข่า พนักงานทําความสะอาดจำนวน 180 คน ต้องทํางานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยจะเก็บขยะได้ 12 ตันต่อวันจากแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้

แหล่งท่องเที่ยวต่างๆพากันใช้มาตรการเพื่อรับมือ “การท่องเที่ยวล้นเกิน” หนังสือพิมพ์ประจำวันอาซาฮีซิมบุนของญี่ปุ่นรายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นได้ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึงจำนวน17,777,200 คน/ครั้ง ทางการเทศบาลโอซาก้ากําลังพิจารณาเรียกเก็บเงินจากตั๋วนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อต่อสู้กับ “การท่องเที่ยวล้นเกิน” ต่อการนี้ นายกรัฐมนตรีคิชิดะของญี่ปุ่นระบุว่า เป็นสิ่งสําคัญมากที่จะต้องทํางานเพื่อส่งเสริมการดึงนักท่องเที่ยวของท้องถิ่น ตลอดจนการป้องกันและยับยั้งการ “การท่องเที่ยวล้นเกิน”

ความจริง ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นได้เรียกเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างประเทศคนละ 1,000 เยน ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศจะออกจากญี่ปุ่น พร้อมกันนี้เมืองท่องเที่ยวที่สําคัญหลายแห่งในยุโรป เช่น กรุงปารีส กรุง เบอร์ลิน และกรุงโรม ก็ได้เก็บภาษีการท่องเที่ยวต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศเช่นกัน ตั้งแต่ปี 2023 เมืองเวนิส ของอิตาลีได้จํากัดขนาดสูงสุดของทัวร์กลุ่มไว้ที่จำนวน 25 คน ปีนี้ เมืองเวนิสยังนําร่อง “ภาษีเข้าเมือง” ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเรียกเก็บ 5 ยูโรต่อคนสําหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักค้างคืนในเมืองเวนิส และค่าธรรมเนียมนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ยูโรต่อคนในปี 2025 ในช่วงทดลองเก็บภาษีดังกล่าว เทศบาลเมืองเวนิสได้เก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวจำนวน 450,000 คน สร้างรายได้รวมประมาณ 2.2 ล้านยูโร

สำหรับการท่องเที่ยวของเดนมาร์กหวังที่จะชดเชยการปล่อยคาร์บอนของนักท่องเที่ยวโดยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเก็บขยะและใช้การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวของเดนมาร์กรณรงค์ให้บรรดานักท่องเที่ยว แสดงรูปถ่ายของการเข้าร่วมกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในโคเปนเฮเกนเพื่อได้สิทธิพิเศษในการรับประทานอาหาร หรือ บริการฟรีที่ร้านอาหารและสถานประกอบการที่กําหนดไว้ สิ่งนี้อาจช่วยลดความขัดแย้งระหว่างนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น ในจีน พื้นที่ต่าง ๆ จัดการจองบัตรเข้าแหล่งท่องเที่ยวออนไลน์ล่วงหน้าและการออกบัตรเข้าแหล่งท่องเที่ยวตามระยะเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการล้นหลามของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดยาวของวันชาติ และเทศกาลต่าง ๆ จุดชมวิว เช่น ภูเขาเซียงซานและพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่งได้เริ่มใช้มาตรการ “จองทัวร์และการจํากัดจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาก”

สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council : WTTC) ระบุว่าสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวจะต้องเป็นสถานที่ที่มีนโยบายที่ดี การปรับปรุงขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวของเมืองควรให้ความสําคัญกับความน่าอยู่ ซึ่งหมายถึง การปรับปรุงชีวิตของผู้อยู่อาศัยก่อน

ผู้เขียนเชื่อว่า เพื่อหลีกเลี่ยง “การท่องเที่ยวล้นเกิน” ควรสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดี และผลประโยชน์ของคนส่วนท้องถิ่น

เขียนโดย โจว ซวี่ ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *