ป้อมเดินดิน-หรือนินจาหายตัว

“หัวชนฝา-ฆ่าตัวตาย” มีเสียงทัก-จักไม่ฟัง ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อร่วมกันเป็น“รัฐนาวา-หน้าต้องหันชนกัน” สิ่งสำคัญ ต้องฟัง“เสียงพรรคอื่น” ที่ร่วมเป็นรัฐบาลเดียวกันด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องเกิด“รอยปริแตก-แหกด่าน”ให้จบเห่ “แตกวง”กันเร็วยิ่งขึ้น

ดังนั้นการที่จะ“ท่อง-ล่องเรือ” จะต้องไปกันอย่างสามัคคี-มัดใจนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวตลอดไป

“รัฐบาลเพื่อไทย” โดย“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ“ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ รมว.กลาโหม ในฐานะ“พ่อบ้านฉิน”

“ถอนสมอ-ขอหยุด”การแก้ไข“รัฐธรรมนูญ รายมาตรา” ที่“พรรคร่วม”อย่าง“ภูมิใจไทย-รวมไทยสร้างชาติ” ไม่เห็นด้วย-ช่วยกันหนุน

แต่พร้อม“เฮโลสาระพา-อาสา” ร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญ ปี ๖๐ ของ“คสช.”ทั้งฉบับ-เพื่อไม่ให้ถูกจับผิด ว่า..“แก้รัฐธรรมนูญเพื่อใคร”

เห็นความ“แข็งแกร่ง-เป็นแท่งเดียวกัน”ของ“รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” ที่จะไม่ปาดหน้าเพื่อแซงซ้าย ให้เกิดร่องรอย“กินใจ”กับทุกพรรคแล้ว เชื่อว่า“นายกฯแพทองธาร” ต้องนั่งอยู่ในฐานอำนาจ เป็น“นายกรัฐมนตรี”ครบ ๓ ปีตามอายุที่เหลือ..

ส่วนผลงานนั้น-ออกมาเป็นรายวันก็ว่าได้.. ด้วยการแจก“ดิจิตอลวอลเล็ต ๑๐,๐๐๐ บาท” กู้วิกฤตเศรษฐกิจ-ติดลบของชาติเดินแทบไม่ได้

บัดนี้,เงินไปเข้าสู่บัญชี“ผู้เปราะบาง 14.5 ล้านคน” พร้อมกับ“ผู้พิการ”อีก“1 ล้านคน”.. “ได้สิทธิ์-ติดปีกบิน”กันไปแล้วบางส่วน

ถึงแม้นว่าจะเจอพวก“ถ่วงประเทศ—เปรตแผ่นดิน” ออกมาขวางละลานตา แต่ก็หยุดนโยบายที่ทำให้ประชาชน“อยู่ดี-กินดี”กันไม่ได้

เพราะการเป็น“เบอร์ ๑-พึงต้องช่วยประชาชน”ให้มาก่อน จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ไม่ใช่เหมือนใครบางคน ที่ตะเกียก-ตะกายป่ายปีน ดิ้นรนทุกหนทางให้ตัวเองได้ขึ้นมาเป็น“เบอร์ ๑-หึ่งเหม็น”ไปด้วยเสียงไม่เห็นด้วย

ยิ่งเห็นแรง“นักร้องหลงโรง-โก่งคอขัน”ในเรื่องที่“สะเปะ-สะปะ” ร้องทุกทางอย่างไม่ตรงไป-ตรงมา ทำให้“เขาเบื่อ-ไม่ตกเป็นเหยื่อ” เพื่อให้เป็นพลังหนุนในการ“ล้มรัฐบาลของประชาชน”กันต่อไป

นี่ก็เห็นนักร้องออกมา“ฉีกปาก-ไม่กระดากแก่ใจ” ว่าการร้องสารพัดเรื่อง-สารพัดราว เป็นสิทธิส่วนบุคคลซึ่งมีหน้าที่ทำได้ โดยไม่มี“เบื้องหลัง-เป็นมือปืนรับจ้าง”อย่างที่บางคนเขาคิด

“ยิ่งพูด-จุดประเด็นนี้ขึ้นมา” มันก็เหมือนกับ“ผู้ต้องหาและนักโทษทั่วไป”นั่นแหละ ว่าที่ทำลงไปนั้น“เป็นความบริสุทธิ์” มักถูกใช้เป็น“ข้ออ้าง” ยามที่ทุกอย่าง“มัดตัว”จนดิ้นไม่หลุดแล้ว..

บอกได้เลยว่า ไม่มีใครที่เขาจะ“เชื่อได้สนิทใจ” เพราะมี“ความไม่โปร่งใส”ในพฤติการณ์กันอยู่ทุกเรื่อง..“อาชีพไม่มี” แต่ทว่าอยู่ร่ำรวย ปานดังกับ“เศรษฐี”มีสตางค์ใช้กันอย่างเหลือเฟื้อ

นอกจาก“สัมมาอาชีพ”ที่หากินอย่าง“สุจริต-คิดทำเป็นบ้างไหม” เหมือนกับคนไทยทั่วไป ที่เขามีการทำงานอย่างเปิดเผย

อย่างไรก็ดี มี“ปฏิกิริยา-ท่าทางลบ” ที่ไม่สอดคล้อง เหมือนกับ“หนทางเดิม”ที่เคยผ่านมา

“พรรคพลังประชารัฐ” ของ“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค และ“ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาฯพรรค “ตั้งแท่น-เป็นพรรคแค้น”ไปอีกหนึ่งพรรค-สำลักความแค้นจนกระอักเลือดออกมาให้เห็น

ด้วยการประกาศ“ดับเครื่องชน-ลนลาน”อย่างไม่มีปี่-มีขลุ่ย “จะค้าน-ขวางกั้น”กันอย่างเต็มที่.. ที่จะไม่ให้เกิดการแก้ไข“รัฐธรรมนูญ” ทั้ง“แบบเต็มฉบับ” และ“แบบเป็นรายมาตรา”

วันนี้เท่ากับประกาศว่า “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” ไม่พร้อมที่จะรับ“เทียบเชิญ”จาก“พรรคเพื่อไทย”ในทุกกรณีที่มีการ“จัดตั้งรัฐบาลใหม่”

หรือว่า “เจ้าสำนักป่ารอยต่อ”แค้นใจที่“เจอปังตอ”เข้าไปอย่างจัง

เพราะโผแต่งตั้ง“ธงเขียว-เที่ยวนี้” ดูเหมือนว่า“แก่นรากอำนาจ”จะ“ถูกรื้อ-ไร้ชื่อ”กลุ่มที่อยู่“บ้านป่า” จนแสงจะดับ-ลับหายไปเสียแล้ว

จากที่เคยได้คุม“สายอำนาจ” ยามนี้เหมือนว่า“ถูกตัดขาด”หลุดพ้นวงโคจร ไม่ได้เป็น“สายพยัคฆ์-ปักธงคุมอำนาจ”เหมือนเก่า..

กลายเป็นถูกเก็บ“เข้ากรุ” ไปดู ควบคุม“ด้านวิชาการ” เสมือนกับเป็น“ฝ่ายบุ๋น” ส่วน“ฝ่ายบู๊นั้น” ว่ากันว่ายังมี“สายสัมพันธ์”ที่เป็นคนรัก-คนใคร่ ของ“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ท่านมีความเมตตากันอยู่

ในเมื่อ“พลังประชารัฐ-จัดทัพใหม่” เพื่อเป็น“ฝ่ายแค้น” ทำหน้าที่ตัวแทนเป็น“ฝ่ายค้าน”เต็มองค์-ทรงเครื่องกันตามว่านี้กันแล้ว

“พล.อ.ประวิตร” ต้องมา“ปรากฏกาย-ฉายความโดดเด่น” เพื่อเป็น“ฝ่ายค้านเต็มตัว”กันเสียด้วย

ไม่ใช่“ส่งใบลา” ขาดประชุมกันเป็นนิจสิน ย่อมแต่จะ“สร้างความเสื่อม-สิ้นความเลื่อมใส”ตามมาหลายกิโลขีด

เป็นฝ่ายค้านมีค่า..“ต้องมาทำงานที่สภาฯ”.. เลิกเป็นนินจาล่องหนหายตัว คนเขาจะนินทากันไม่เลิก

“กะพรุนไฟ”