24 ตุลาคม 2024

“สงคราม”ย้ำต้องหยุด“ระบอบประยุทธ์”ก่อนหายนะมากกว่านี้

0

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ไร้ความรับผิดชอบ รวมทั้งไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาการผันแปรของพลังงานได้ จึงเลือกที่จะผลักภาระให้กับประชาชน ล่าสุดปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ส่งผลให้ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ราคาก๊าซหุงต้มจะปรับราคาเป็น 423 บาท ซึ่งรวมแล้วในรอบ 1 ปี ก๊าซหุงต้มจะปรับราคาขึ้นทั้งหมด 105 บาท

ทั้งนี้ทุกครั้งที่ราคาก๊าซหุงต้มขยับ มักส่งผลโดยตรงต้นทุนของผู้ประกอบการ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการแบกรับผลกระทบของการปรับราคาพลังงานเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจที่จะหาแนวทางที่จะลดภาระประชาชน ในทางกลับกันปล่อยให้เจ้าสัว นายทุนและพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อผลผลิตทางการเกษตรราคาถูกแล้วมาขายแพง สร้างภาระให้ผู้ประกอบการ ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าต้องขอปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้ของบางคนอาจเพิ่งได้เพิ่มขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง

        นายสงคราม กล่าวด้วยว่า  8 ปีผ่านมาที่ประชาชนต้องทนกับระบอบประยุทธ์ ที่ขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมให้เพิ่มสูงขึ้น เจ้าสัว นายทุน ใกล้ชิดรัฐบาลรายขึ้นมหาศาล ในขณะเดียวกันคนชั้นกลางลงล่างรายได้ลดลง หรือ ตกงานจากธุรกิจที่ปิดกิจการ ดังนั้นภายใต้นโยบายกดให้จนแล้วแจก ส่งผลให้ประชาชนต้องเจ็บช้ำน้ำใจกับการบริหารประเทศที่ไม่รับผิดชอบ

        “พลเอกประยุทธ์ประกาศแคมเปญเลือกตั้งว่า ทำแล้ว ทำอยู่ทำต่อ ต้องบอกว่าเห็นภาพชัดมากคือที่ทำแล้วคือทำให้คนจนเพิ่มขึ้นจากการลงทะเบียนแจกบัตรคนจนสูงมากกว่า 22 ล้านคนจาก 14 ล้านคน ที่ทำอยู่คือการปล่อยให้ยาบ้าราคาถูกลง ซื้อง่ายขายคล่อง ยาบ้าจากราคาเม็ดล่ะ 200-300 บาทเหลือราคาเม็ดล่ะไม่ 10-20 บาท  มีขายทุกพื้นที่ของประเทศ ส่งผลกระทบกับสังคมไทย อย่างร้ายแรงมาก ดังนั้นหากให้ทำต่อไปประชาชนคงลำบากมากกว่านี้  การเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นประชาชนต้องพร้อมใจกันหยุด “ระบอบประยุทธ์”หากให้ไปต่อประเทศคงหายนะมากกว่านี้”นายสงคราม กล่าว 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *