24 ตุลาคม 2024

‘ไพศาล’ เตือนสติ! รัฐประหารโดยไสยศาสตร์ สอย ‘พิธา’ ปมหุ้น itv คือเรื่องทุเรศน่าอัปยศที่สุด

0

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ถึงเกมจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง มีใจความว่า รัฐประหารโดยไสยศาสตร์ทางกฎหมายเคลื่อนเต็มตัวแล้ว!!!

หวังสอยพิธาตกสวรรค์ ด้วยกระบวนท่าหุ้น itv ชนิดไม่ยำเกรงอำนาจอธิปไตยอันศักดิ์สิทธิ์ของปวงชนชาวไทยกันเลย!!

เป็นเรื่องที่ทุเรศ น่าอัปยศที่สุดในบ้านเมืองของเราอีกครั้งหนึ่ง ครั้นเห็นความกระเหี้ยนกระหือรือของขบวนการไสยศาสตร์ทางกฎหมายแล้ว ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายคนหนึ่ง จะขอเตือนไว้ว่าคราวนี้อาจจะไม่สำเร็จ เพราะ:

~อำนาจอธิปไตยของปวงชนที่ได้แสดงออกในครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก นักไสยศาสตร์ทั้งหลายรับมือไม่ไหวหรอก

~เรื่องการถือหุ้นสื่อนี้ ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดของศาลยุติธรรม ได้วางบรรทัดฐานเป็นที่ประจักษ์ว่า ถ้าถือหุ้นน้อย ไม่มีนัยยะสำคัญในการใช้อำนาจบริหารของกิจการ ให้สื่อให้คุณให้โทษ ก็ไม่มีความผิด

หรือถ้ากิจการไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อก็ไม่เป็นความผิด บรรทัดฐานนี้ใครหน้าไหนจะกล้าลบล้างก็ลองดูกัน!!!

~ที่นักไสยศาสตร์ทางกฎหมายอ้างบรรทัดฐานของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนายธนาธร ว่าแม้ถือหุ้นเดียว และแค่มีวัตถุประสงค์ของกิจการก็เป็นความผิดนั้น

ก็ให้ไปศึกษาดูเพิ่มเติม ว่าศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยคดีวางบรรทัดฐานใหม่ในหลายคดีหลังจากคดีนายธนาธรแล้ว เป็นบรรทัดฐานอย่างเดียวกันกับศาลฎีกาหรือไม่ อย่าหลงมะงุมมะงาหราจนหน้ามืดตามัวจนไม่ทราบเรื่องนี้จะขายหน้าเขา

~นายพิธาถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก มีหลักฐานตามที่แจ้งปปช.ไว้ จึงไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินคือหุ้นรายนี้ จึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นสื่อ

แม้ในแบบพิมพ์บัญชีผู้ถือหุ้น จะไม่ได้ระบุว่าถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดก แต่นั่นก็เป็นเพียง “ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น” ที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ตามกฎหมาย และมีหลักฐานเอกสารอยู่ที่ปปช.อยู่แล้ว

~ผมไม่รู้ความนัยของคดี แต่บอกได้ว่า ประมวลกฎหมายและแพ่งและพาณิชย์นั้นมีบท “มาตราหนึ่งบัญญัติว่า ถ้าทายาทได้สละมรดก ทรัพย์มรดกนั้นจะตกเป็นของทายาทอื่นนับแต่วันเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย”

โดยบทบัญญัตินี้ ถ้านายพิธาเคยสละมรดกรายนี้ ก็ไม่ใช่เจ้าของหุ้น ตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งจะต้องดูข้อเท็จจริงกันต่อไป!!!!

เรื่องนี้จึงไม่ได้หมูเหมือนคดีนายธนาธร เพราะเป็นคดีที่มีข้อเท็จจริง ที่นายพิธาสามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้เต็มรูปแบบ และสามารถพิสูจน์ในการไต่สวนหรือสืบพยานในชั้นศาลได้!!! จะรวบรัด รวบหัวรวบหาง เปรี้ยงปร้างเดียวจบนั้น ทำไม่ได้หรอกเพราะจะทุเรศเกินไป ที่คนทั้งหลายไม่มีทางที่จะยอมรับได้!!!

ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า ในวันที่มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายพิธาจะยังไม่ถูกสอย จนตกสวรรค์!!!

แต่ในปัญหาว่ามีคะแนนเสียงเกินครึ่งของ 2 สภาหรือไม่ ก็อยู่ที่ฝีไม้ลายมือของคณะผู้บริหารพรรค ก้าวไกลล่ะครับ

#รัฐบาล66

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *