24 ตุลาคม 2024

เรียนภาษาอังกฤษให้คล่อง และพบเจอกับ “ความสำเร็จ” ทำได้อย่างไร?

0

“ใช้หลักพูดให้เหมือนการแสดง ใช้คำเชื่อม ภาษากายให้คล่อง และอย่าลืมฟังให้มาก” คือกลวิธีการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษให้โดดเด่น สร้างบุคลิกภาพที่ดี เสริมสร้างศักยภาพไร้ขีดจำกัด พิชิตการใช้ชีวิตแบบอินเตอร์ให้ เติบโตสู่ “ความสำเร็จ”   

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายงานใด การศึกษาระดับใด การเรียนภาษาคือ การเปิดโอกาสที่ดีของชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะการทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง หรือ ทำธุรกิจส่วนตัวค้าขายนำเข้าส่งออก หรือ เตรียมตัวศึกษาต่อ ก็ต้องอาศัยทักษะภาษาและการสื่อสาร ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาที่เรานิยมเรียนกันเป็นภาษาที่สองมากที่สุด   งานวิจัยหลายฉบับได้แสดงให้เห็นว่าประเทศที่มีสัดส่วนพนักงานที่สามารถพูดภาษาที่สองได้สูง ประเทศนั้นจะมี GDP จากการค้าระหว่างประเทศสูงกว่า  หรืองานวิจัย Euro London ที่สรุปผลสำรวจด้านทรัพยากรบุคคลของสหราชอาณาจักร พบว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศ ใช้ทักษะภาษาพูดได้สองภาษา จะสามารถเพิ่มเงินเดือนได้สูงสุดถึง 15%

นอกจากนี้  “การพูดภาษาที่สอง” หรือ “การเชี่ยวชาญในภาษาต่างๆ” ยังสามารถเสริมทักษะการทำงานข้ามวัฒนธรรม เสริมทักษะความเข้าใจต่อผู้อื่น ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัวในระยะยาว ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญต่อบริบทอื่นๆ ชีวิตที่จะทำให้ผู้คน องค์กร มองหาและอยากได้คนกลุ่มนี้

“กรณีภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นภาษาสากล ภาษาที่สอง ที่คนเอเชียนิยม  ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เชียร์ใครการเมือง แต่ขอยกตัวอย่างจากกระแสเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็มีคนพูดถึงนักการเมืองสองท่านที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว คือ คุณทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  และ  คุณท็อป-วราวุธ ศิลปอาชา ซึ่งคำว่าภาษาดี นั่นคือ การมีทักษะการพูดภาษาที่สองได้ดี  ผู้พูดใช้น้ำเสียงหนักเสียงเบา ใช้คลังคำศัพท์เฉพาะ คำแสลง ได้ครบถ้วน  พูดด้วยรูปแบบโครงสร้างประโยคที่ถูกต้องและเป็นธรรมชาติ ยิ้ม สบตาตลอดเวลาพูด เวลาสื่อสารก็จะทำให้เรามีเสน่ห์ ทำให้คนที่พูดภาษาที่สองได้ดี มักจะดูน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความประทับใจ ในการเจอกันครั้งแรก” อาจารย์ Win Naing Soe อาจารย์ประจำหลักสูตรภาษาอังกฤษธุรกิจ และหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารธุรกิจ (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยนานาชาติ (International College – IC) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผย

ใช้หลัก “นักแสดง” สร้างโลกคุณ

อาจารย์ Win Naing Soe วิเคราะห์ถอดรหัสเสน่ห์ในการพูดภาษาอังกฤษที่โดดเด่น น่าประทับใจ สำหรับผู้คนที่อยากพูดให้ได้เหมือนนักการเมืองทั้ง 2 ท่าน ก็ต้องเริ่มจากการ “สำรวจตัวเอง” ก่อนเพื่อหาจุดที่จะทำการแก้ไขซึ่งจะต้องแก้ไขด้วยการ “ฝึก”

“ต้องเริ่มจากตัวเอง ผู้ที่ฝึกต้องยอมรับว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหนบ้างในตัวเรา การออกเสียงไม่ค่อยถูกไหม สำเนียงไม่ชัดเจนหรือเปล่า หาจุดต่างๆ ที่เราบกพร่อง และเราก็มาคิดต่อว่าจะแก้ไขอย่างไร จากนั้นปรับทัศนคติว่าเราเป็นผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง เราพร้อมพัฒนาตัวเอง และฝึกหลายๆ ครั้ง ฝึกพูดกับตัวเอง เพื่อนและฝรั่งเจ้าของภาษา ไม่ต้องกังวลเรื่องของการพูดผิดไวยากรณ์ เพื่อจะได้หัดออกเสียงที่ถูกต้องและได้สำเนียงที่ตัวเองต้องการว่า จะเอาแบบสำเนียงอังกฤษ คุณท็อป-วราวุฒิ หรือแบบสำเนียงอเมริกา คุณทิม-พิธา”

“โดยวิธีการฝึกให้ใช้หลักของการพูดที่สำคัญมากเลยคือ ต้องไม่พูดเหมือนนกแก้ว นกขุนทอง คนส่วนมากหัดพูดภาษาอังกฤษจะชอบจำตำราบทเรียน หรือบทสนทนาที่เราเรียบเรียงมาพูด ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นธรรมชาติเพราะนั่นคืองานเขียนซึ่งต่างกันกับบทพูด  ถ้านำมาใช้ ผลลัพธ์ที่ออกมาจะแข็งๆ เป็นประโยคๆ ฉะนั้นเวลาฝึกหลักการพูด ต้องหาบทพูดหรือพูดในลักษณะคล้ายๆ ‘นักแสดง’ ตัวเองเป็นนักแสดง ก็ต้องทำหน้าที่ของนักแสดงคือต้องตีบทให้แตก ให้ลองไปหยิบคำพูดจากในหนัง ซีรีย์ จะช่วยเพิ่มชีวิตชีวา ลดความเกร็งไปในตัว”   

ฝึกพูดแบบช้าๆ แต่ชัดเจน การพูดภาษาอังกฤษเร็วไม่ได้หมายความว่า “เก่ง” หรือ “คล่อง” อาจารย์ Win Naing Soe ระบุ “พูดเร็วไม่ได้แปลว่าคนๆ นั้นเก่ง เพราะคนฟังอาจจะฟังไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ ดังนั้นเวลาฝึกควรจะต้องพูดช้าๆ แต่ชัดเจน ลงเสียงหนัก เสียงเบา ต่อจากนั้นเวลาว่างควรจะหมั่นศึกษาเรียนรู้เทคนิคแบบนักพูดภาษาอังกฤษที่หลากหลายจากอินเตอร์เน็ต วิดีโอคลิปต่างๆ พอดแคสต์ ต่างๆ ที่มีมากมายก็จะยิ่งช่วยเพิ่มทักษะการพูดให้ยอดเยี่ยมและไวขึ้น โดยเฉพาะพวกคลิปวิธีการพูดในที่สาธารณะ เทคนิคการนำเสนอ อันนี้จะทำให้เราเรียนรู้ได้ไวและฝึกในการออกเสียง การใช้สำเนียงที่ถูกต้อง น้ำหนักเสียงคำหนักหรือเบา ซึ่งจะเป็นขั้นต่อไปของนักพูดภาษาอังกฤษ ที่ต้องใช้เทคนิค ทักษะวิธีในการพูดให้มีเสน่ห์”

กำหนดคำเชื่อม รู้โครงสร้างประโยคและแขวนยิ้มไว้บนหน้า

หลังจากการฝึกออกเสียงที่ชัดเจน และมีสำเนียงขึ้นมาแล้ว การสนทนาที่น่าสนใจและน่าประทับใจต้องไม่ปล่อยให้การพูดเกิดช่องว่าง หรือ เกิดสภาวะ “Fillers” หรือ “Filler words” โดยการใช้คำ อาทิ um, uh, hmm, well, like, you know  มากเกินไป

“คำเชื่อมจะเข้ามาช่วยตรงนี้ได้ โดยคำเชื่อมทำให้บทสนทนามีชีวิตชีวา ดูเป็นธรรมชาติ ไหลลื่น  เราไม่ต้องไปกลัวผิด ตรงไหนผิดค่อยกลับมาแก้ไข ในขั้นต่อมานี้สำคัญเวลาที่ฝึก  ควรฝึกกับคนสองคน เพื่อใช้ Body language มีการใช้มือ ใช้ภาษากาย ประกอบการพูดอธิบาย ไม่ใช่แค่คำพูดอย่างเดียว เราก็ควรใช้ภาษากาย ใช้ Eye Contact มองตาสบตาคนที่ฟัง การยิ้มระหว่างพูด ซึ่งตรงนี้เป็นเทคนิคที่แนะนำให้ดูควบคู่ไปด้วย  หลังจากนั้นค่อยฝึกดูทักษะการพูดในที่สาธารณะ ก็จะทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น”

ผลลัพธ์ของการฝึกในรูปแบบดังกล่าว หากฝึกฝนเป็นประจำจะก่อให้เกิด “ความมั่นใจ” ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยปริยาย

“เมื่อฝึกมาแล้วบ่อย ๆ ก็จะเกิดความมั่นใจ กล้าพูดด้วยความลื่นไหล ด้วยเสียงและสำเนียงที่ถูกต้อง ก็จะนำมาความสนุก ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม และเป็นรอยยิ้มที่สื่อออกมาให้เห็นความจริงใจที่แท้จริง เกิดเป็นภาพประทับใจ ที หลังจากนั้นก็ต่อด้วยการฝึกเรียงคำศัพท์แต่ละคำออกมาในรูปแบบประโยค ใช้โครงสร้างของประโยคให้ถูกต้อง เช่น Public speaking requires both verbal communication and non-verbal communication. เราก็จะคล่องขึ้น”

“ขั้นต่อมาคือเคล็ดลับของนักการเมืองไทยทั้ง 2 ท่าน ที่ตอบคำถามสื่อมวลชนต่างประเทศ หรือพูดแถลงข่าว ก็มักจะให้พูดโดยให้เหตุผล  จากกว้างมาแคบ จากเล็กมาใหญ่ มีการยกตัวอย่างประกอบการพูด เพราะทำให้ผู้ฟังเข้าใจกระบวนความคิดเรา   เมื่อการให้เหตุผลประกอบกับเนื้อหา ผ่านความเข้าใจในภาษาที่ใช้ควบคู่กับภาษากาย จะช่วยให้ภาพรวมทั้งหมดในการสื่อสารเข้าใจง่าย น่าฟัง  หลังจากนี้แนะนำให้ขอฟีดแบคจากเพื่อนๆ หรือเจ้าของภาษาในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ เราสามารถพูดในติ๊กต๊อก (TikTok) อินสตาแกรม (Instagram) ที่หลายคนนิยมใช้กันและดูคอมเมนต์ จำนวนคนดู ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ประเมินทักษะและวิธีการพูดตัวเองได้ และจะได้เห็นกิริยาท่าทางของตัวเองด้วย”

ยกสุภาษิต คำแสลง วาทกรรม

สำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือในบทพูดให้ดูมีน้ำหนักยิ่งขึ้น อาจารย์ Win Naing Soe บอกว่าภาษาที่สวยงาม ไม่เพียงแค่สำเนียง เสียงคำหนัก-เบาที่ชัดเจน การใช้ภาษากายที่จะนำมาซึ่งภาพประทับใจ สร้างความเข้าใจ ทำให้เกิดการติดตามฟังอย่างตั้งใจแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งคือการยก “สุภาษิต” หรือ “ประโยคคำกล่าว” ของบุคคลที่มีชื่อเสียง วาทกรรม คำแสลง คำศัพท์เฉพาะทาง มาใช้เพื่อสื่อความหมายให้ครบถ้วนประโยค บทพูด ดูสมบูรณ์สละสลวยเป็นที่จดจำ

“อยากพูดภาษาอังกฤษดี เราพูดเนื้อหาอย่างเดียวไม่ได้ ภาษาที่สวยงามเราต้องยกสุภาษิตและประโยคคำกล่าวของคนดัง วาทกรรมต่างๆ คำแสลง มาใช้ในการพูดสื่อความหมาย  คนที่ฟังจะได้ฟังสนุก น่าสนใจ อันนี้ก็เป็นเครื่องมือที่จะตบแต่งภาษาที่เราจะใช้ในบทสนทนา เช่นประโยคนี้ Today is a new day, and hopefully, it’s full of bright sunshine of hope going forward  วันนี้เป็นวันใหม่และเต็มไปด้วยความสดใส และแสงแห่งความหวังในอนาคต พอเราพูดไป มันมีอารมณ์ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น”

เช่นเดียวกับ “คำศัพท์เฉพาะทาง”  หรือ “คำศัพท์ระดับสูง” ที่จะช่วยให้การพูดตราตรึงใจ ดังนั้นผู้ที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ดีมีเสน่ห์ ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ และเป็นนักสะสมคำพูด คำคม 

“อย่างประโยคว่า  We didn’t leave any stone unturned.  พรรคการเมืองหรือรัฐบาลของเขาจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างของประชาชนคนไทย แต่เขาไม่ได้พูดตรงๆ เขาใช้ Idiom เขาบอกว่าจะ จะดูว่าประชาชนมีปัญหาอะไร เขาจะพยายามใช้ทุกวิธีทางที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้”

“คำภาษาอังกฤษเฉพาะที่ใช้ในการเมืองและเศรษฐกิจตอนดีเบตหรือหาเสียง นักการเมืองทั้งสองท่านสามารถใช้คำศัพท์เฉพาะระดับสูง และ เป็นคำที่ทันสมัยใช้กันจริงในเมืองนอก ซึ่งตรงนี้เราอาจจะได้มาจากการอ่าน เพราะการอ่านทำให้เห็นคำศัพท์หลากหลายบริบท ที่เราเห็นเขาใช้ได้ก็คืออ่านมาจากหนังสือ ทีนี้ก็จะกลายมาเป็นคลังคำศัพท์หรือประโยคของเราหยิบเอามาใช้เสริมบทพูดให้สละสลวยมากยิ่งขึ้นด้วย”   

อย่าลืม “ฟัง” บทส่งท้ายการพูดภาษาอังกฤษให้มีเสน่ห์

อาจารย์ Win Naing Soe บอกต่อว่าสิ่งสุดท้ายสำหรับการสื่อการระหว่างกันและกันที่จะสมบูรณ์ได้ ต้องมี “ทักษะการฟังที่ดี”  จึงทำให้เราตอบกลับได้อย่างฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ

“เวลาคนอื่นถาม เราต้องเข้าใจคำถามทั้งหมด และตอบด้วยข้อมูลที่เรามี ให้เหตุผล และยกตัวอย่างประกอบจากความรู้และประสบการณ์ของเรา  เวลาตอบคำถาม เราใช้ความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมาตอบกับบริบทที่เป็นคำถาม จึงจะตอบได้ทุกอย่างอย่างกว้างขวาง อย่างกรณีนักการเมืองทั้งสองท่าน ท่านมีประสบการณ์มากในการสนทนา ก็ทำให้การพูดของทั้งคู่ น่าฟัง ประทับใจ ไหลลื่น ดูฟังสนุกและทำให้คนอยากติดตามฟังต่อ และอยากเรียนรู้อยากรู้จักเขามากยิ่งขึ้น”

“สำหรับผู้ที่สนใจด้านการเรียนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เรามีวิทยาลัยนานาชาติ (DPU International College – IC) เปิดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยตรง  อาจารย์ทุกท่านยินดีที่จะสอนและแนะนำให้นักศึกษาเป็นนักพูดที่พูดภาษาอังกฤษได้เก่ง  เราก็จะสอนเทคนิคต่างๆ โดยฉพาะเทคนิคการนำเสนอที่ผมสอน ไม่ใช่แค่ออกมาพูดอังกฤษเท่านั้น เรามีเทคนิคต่างๆ อีกมากมาย เราต้องมาฝึกกันแบบจริงจังจึงจะเป็นมืออาชีพได้” อาจารย์ Win Naing Soe สรุป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *