24 ตุลาคม 2024

‘ปชป.’ ถล่มมหาดไทยลักหลับประชาชน แก้เกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุใหม่ ส่อเจตนาหมกเม็ด

0

วันที่ 14 สิงหาคม นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 มีการเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ จาก ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาเป็น ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด ว่า การปรับเปลี่ยนเกณฑ์ดังกล่าวถือเป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเกณฑ์ที่ตั้งไว้แต่เดิมก็เป็นที่เข้าใจของประชาชนอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการประกาศเกณฑ์ใหม่ กำหนดให้ กผส.เป็นผู้กำหนดนั้น มองว่าอาจจะเป็นการตีเช็คเปล่าให้ กผส.กำหนดเกณฑ์ได้ตามใจชอบ โดยไม่ได้อ้างอิงกับความเป็นจริงของปัญหาผู้สูงอายุแต่ละพื้นที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ

นายชัยชนะ กล่าวว่า การออกระเบียบครั้งนี้เป็นการออกประกาศแบบที่ประชาชนไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน เปรียบเสมือนเป็นการลักหลับ โดยมาเฉลยทีหลังว่าต่อจากนี้ไปผู้สูงอายุที่ยากจนอาจจะไม่ได้เบี้ยยังชีพทุกคน ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการปรับเปลี่ยนระเบียบกลับไปใช้เกณฑ์เดิมที่ประชาชนคุ้นเคยกันแล้ว และการออกระเบียบใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ผู้เกี่ยวข้องจะต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ ไม่ใช่มาออกระเบียบแบบที่ไม่ให้ใครตั้งตัว จนเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้

“เรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถือเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไป หรือแม้แต่พรรคการเมืองแทบทุกพรรคต่างยอมรับว่า ต้นตำรับนโยบายนี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเริ่มในปี 2536 ที่ 200 บาทต่อเดือน โดยให้เป็นการสงเคราะห์ต่อผู้สูงอายุผู้ยากไร้ และพัฒนามาจนเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกคน สามารถมีสิทธิในการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ รวมทั้งมีการจ่ายเบี้ยเป็นขั้นบันได จนถึง 1,000 บาท สำหรับผู้สูงอายุ 90 ปีขึ้นไป ซึ่งเกณฑ์ยกเว้นสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุก็มีความชัดเจนจนเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว และในบางรายที่มีสิทธิได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตามเกณฑ์ก็มีการสละสิทธิให้ผู้สูงอายุรายอื่นได้รับเบี้ย อันเนื่องมาจากลูกหลานสามารถดูแลผู้สูงอายุดังกล่าวได้มากกว่าจำนวนเบี้ยยังชีพที่ได้รับ” นายชัยชนะกล่าว

นายชัยชนะ กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการปรับเกณฑ์ให้คณะกรรมการ กผส.เป็นผู้กำหนดนั้น มองว่าอาจมีปัญหาความไม่เข้าใจของ กผส. ซึ่งอาจจะนิยามคำว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ” คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง เชื่อว่าการออกระเบียบใหม่โดยไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมเลยถือได้ว่าเป็นการส่อเจตนาหมกเม็ด และเป็นการละเมิดสิทธิของผู้สูงอายุตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติคุ้มครองเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *