ทีดีอาร์ไอเงียบ- ไม่กล้าเหยียบเผด็จการ ที่ทำเละ
“ไม่มีเวลาเมา”
“สติโหวงเหวง” ขับรถไป-ชนเขา
เวลาทั้งหมด เป็น ของประชาชน “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน” ไม่มีเวลา “ฮันนิมูน” เดินทางไป “ขอนแก่น-อุดรฯ-หนองคาย” แก้ปัญหา “การส่งขนผลผลิตไปจีน”
“ชาติมาก่อน-ราษฎรมาทันที” ไม่มีเวลา มา “คร่ำครวญ” ร้องรำพัน เศร้าโศก เสียใจ เหมือนบางคนที่ “จมไม่ลง” หลงอยู่ใน “เงามืด” ถึงสาเหตุที่ตัวเองไม่ได้เป็น-นายกรัฐมนตรี
คนไม่มีเพื่อน..”เก้าอี้นายกฯก็ลางเลือน” เตือนตัวเองดีกว่า-งานนี้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ช่วยตัวเองยังไม่ได้”
“มืออาชีพ” อย่าง “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ซับพอร์ทตัวเอง ไม่ใช่ “รถหลวง-ภาษีประชาชน” ควักเงิน ๗.๕ ล้าน ซื้อรถทำงาน-อย่างสบาย
“มองบางพรรค” ลงมาสมัคร เพื่อเป็น “ตัวแทนของประชาชน” หา “เลี้ยงชีพตัวเองยังไม่พอ” ตัว “จ่ายภาษีให้กับแผ่นดิน”ฟ้องเห็นอยู่ชัดเจน
เป็น “นักการเมือง” เพื่อเข้ามา “อาศัยใบบุญ” เงินจากหยดเลือดและหยดน้ำตา” ของประชาชนเช่นนั้น สมควรหรือไร
เข้ามามีอาชีพนักการเมือง.. “แต่ขัดสนฝืดเคือง” สร้างความรุ่งเรือง-ได้ฉันใด
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“การเมืองถึงไม่สะดุด”
แต่ “ผิดหลักการ”-อย่างสุด ๆ
ทุกอย่างเดินหน้า ไปหาความเจริญไม่ได้
เพราะจะต้องรอ “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่ถูก “สั่งแขวน” หยุดพักการเป็น “สส.ชั่วคราว” จนกว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย ถึงจะได้ “ผู้นำฝ่ายค้าน”
๑๕๐ คนก้าวไกล.. “ไม่มีทิมพิธาทำอะไรไม่ได้” คิดน้อยไป ได้อย่างไร-กัลล์
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“สภาฯล่างสร้างระดับอันดี”
ยัง “อีลุ่ยฉุยแฉก” เห็น “สภาฯบน” ของ “ สว.ลากตั้ง” ให้เวทนา-เต็มที่
“ตำรวจหญิงเด็กฝาก” ที่เข้ามามีอำนาจยิ่งใหญ่ เพราะใบเบิกทาง ให้ “สว.” นั้น..ถ้าไม่มีแรงหนุน ได้ “ตำแหน่งเด็กฝาก” แล้ว จะกล้าทำทารุณ กับ “ทหารหญิงรับใช้” กระนั้นหรือ
“มติของสว.” ดูจะ “ขัดใจคุณพ่อคุณแม่” เป็นอย่างยิ่ง เมื่อชี้ว่า “ไม่ผิดจริยธรรม” ประชาชนผู้รักความยุติธรรม พากัน รับไม่ได้
ควรมีศาลประชาชน..”วินิจฉัยเหตุ สภาฯบน” จะได้ไม่สะเทือนใจ-คนไทย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“กลัวประชาชนพ้นความทุกข์ยาก”
“ระดับเป้ง” ของ “ทีดีอาร์ไอ”บางคน.. แสดงความคิดขวาง-เป็นอันมากส์
“เพื่อไทย” เขาเป็น “มิตรของประชาชน”
แต่ดูเหมือน “ทีดีอาร์ไอ” ตั้งป้อมออกมาถล่ม “พรรคเพื่อไทยอย่างหนัก.. “ดิจิตอล วอลเล็ท” เป็น “สึนามิการเงิน” ทำให้ทุกครัวเรือน มีเงินใช้จ่าย
เผด็จการมีอำนาจเฉียบ.. “ทีดีอาร์ไอหุบปากเงียบ” เรียบร้อยไม่โวย-อะไร
“กะพรุนไฟ”
๖ กันยายน ๒๕๖๖
