‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ เป้าหมายการเมือง..ล่อเป้าความขัดแย้ง
บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของพรรคเพื่อไทย หลังจากที่สมาชิกพรรคมีมติเอกฉันท์ ให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 1/2566 หลังได้รับฉันทามติแล้ว นางสาวแพทองธาร ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่เป็นเหมือนการประกาศพันธกิจ และพันธะสัญญาในนามพรรคเพื่อไทย โดยมีใจความว่า ขอขอบคุณสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกท่านที่มอบความไว้วางใจให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่เป็นเพียงการส่งต่อภารกิจทางด้านอุดมการณ์ แต่คือการเชื่อมความเชื่อมั่น ความมั่นคง ความศรัทธา เชื่อมการต่อสู้ของทุกคนเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ในฐานะของพรรคเพื่อไทย เราผ่านอะไรกันมาเยอะมากๆ เราเป็นพรรคการเมืองประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นพรรคการเมืองที่ถูกกระทํามากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยเช่นกัน
ดิฉันเติบโตมาในแวดวงการเมือง ได้สังเกต ได้ใกล้ชิด ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ต้องขอขอบคุณ ดร.ทักษิณ ชินวัตร คุณพ่อที่ทำให้ได้เห็นถึงความตั้งใจ เห็นถึงอุดมการณ์ของท่านและทำให้ได้เรียนรู้ ได้ใกล้ชิดและที่สำคัญได้เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญของดิฉันในการดำรงชีวิต ดิฉันรู้ดีว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสําคัญมากๆ โดยเฉพาะบริบทของการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ วัน แน่นอนค่ะ ดิฉันมั่นใจว่า เรามีบุคลากรที่มีความสามารถ สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทยในปัจจุบัน เราจะทำพรรคเพื่อไทยให้พัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน
จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทีมคณะบริหารของพรรคเพื่อไทยทีมใหม่นี้ จะต้องถอดบทเรียน ทบทวน การเลือกครั้งที่แล้ว เพื่อทำให้ดีขึ้น เพื่อที่จะนําพรรคเพื่อไทยของเราให้กลับมายืนอยู่ในใจพี่น้องประชาชนในฐานะพรรคการเมืองอันดับหนึ่งอีกครั้งอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาล ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลในวันนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- การลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน
- การปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็น 20 บาทตลอดสายที่เริ่มขึ้นแล้วในบางสาย
- การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- การให้ภาคเอกชน คนรู้จริง เข้ามาพัฒนาในเรื่องของ Soft Power ของประเทศอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
- การนำร่องใช้บัตรประจําตัวประชาชนเพื่อรักษาพยาบาล ในโครงการ 30 บาทรักษาได้ทุกที่
- การรับมือกับวิกฤตอย่างทันท่วงที ช่วยคนไทยให้กลับบ้านในสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง
- การกลับไปเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตกับนานาประเทศ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น ก็สามารถสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศของเราอย่างมากมาย และมั่นใจว่าในอีก 4 ปีต่อจากนี้ก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นให้ประเทศของเราอย่างแน่นอน
พรรคเพื่อไทยจะยังคงสานต่อภารกิจสําคัญ คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ทั้งด้านความเป็นอยู่ สิทธิเสรีภาพอย่างที่เราทำมาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 25 ปี ด้วยรากฐานที่มั่นคงและแข็งแรง เรามีวันนี้ได้เพราะผู้ใหญ่ในพรรคของเราที่ช่วยกันรดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงและมีรากฐานที่มั่นคง ดิฉันมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น มองได้ไกลขึ้น ก็เพราะผู้ใหญ่ทุกท่านที่ได้ร่วมกันสร้างไว้
จากนี้ไป ดิฉันอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นมากกว่าพรรคที่ให้โอกาส แต่สามารถขจัดความเสี่ยงในชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ด้วย เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้ปลดล็อกศักยภาพของเขาได้เต็มที่ มีสิทธิมีเสียงที่จะพัฒนาประเทศนี้ไปด้วยกัน
เราจะไม่ทิ้ง DNA เดิมของพรรคเพื่อไทย นั่นก็คือการทำนโยบายที่เราสัญญาไว้กับประชาชนให้เป็นจริงได้ เราจะทำความฝัน ให้เป็นความจริง เราจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ เราจะลบทุกคําสบประมาท ด้วยผลงานที่ปฏิเสธไม่ได้
DNA นี้จะยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไปและพัฒนาตามยุคตามสมัย จะมี 4 ข้อที่สำคัญที่คณะทีมผู้บริหารทีมใหม่ จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคอย่างชัดเจน
- เราจะทำ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ นำข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในระบบดิจิทัล เพื่อที่ว่าไม่ว่าคณะเข้ามาทำงานอย่างไร ก็จะได้มีการต่อยอดและพัฒนาได้อย่างง่ายขึ้น ข้อมูลสมบูรณ์แบบมากขึ้น
- เราจะสร้างองค์กรแนวราบ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกๆ คน ทำให้พรรคได้เกิดประสบการณ์ มีกระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น
- เราจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ Learning Organization ที่จะมีศูนย์ข้อมูล ศูนย์วิจัย เพื่อที่จะพัฒนานโยบายของเรา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อปรับใช้ตามยุคสมัยให้ทันท่วงที และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างเท่าทัน เราจะมีการฝึกอบรมศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นยุวสมาชิกหรือสมาชิกทั่วไป แบ่งพื้นที่ให้คนทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ได้สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่
และ 4. ข้อสุดท้ายนี้เป็นข้อที่สำคัญ เราจะสร้างเครือข่าย ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ ให้แข็งแรงและมีในทุกๆ พื้นที่ของประเทศไทย เพื่อที่เราจะได้รับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนมา ของตัวเองและของครอบครัวได้อย่างชัดเจน ให้มาถึงพรรคเพื่อไทยได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้ จะเป็นสิ่งที่ดิฉันจะบอกกับตัวเองและทุกๆ ท่านของพรรคเรา ว่าเราตายังคงดูดาว เท้ายังคงติดดิน ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็ง มั่นคง เพราะพรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน
สาเหตุที่บางกอกทูเดย์ เห็นว่าเรื่องนี้สมควรบันทึกไว้เพื่อกาลอนาคตข้างหน้า เพราะโดยสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน หลังจากการทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในปี 2549 และในปี 2557 ต้องยอมรับว่าในด้านกระแสการเมือง สังคมไทยแบ่งแยกแตกเป็น 2 ขั้วอย่างรุนแรง และยาวนานถึง 17-18 ปีแล้ว ก็ยังไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าขั้วอำนาจเผด็จการ หรือขั้วอำนาจประชาธิปไตย ก้าวขึ้นมามีอำนาจ ก็จะถูกโจมตีเพื่อหาทางโค่นล้มฝ่ายตรงข้าม โดยไม่เลือกวิธีการ และไม่สนใจว่าผลกระทบจะหนักหนาสาหัสสักเพียงใด
ระบบยุติธรรมจะสั่นคลอน กระบวนการตุลาการจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ ระบบรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว. จะเป็นไม้หลักปักขี้เลน เอนเอียงไปรับใช้ขั้วอำนาจ ตระบัดสัตย์โดยปราศจากความละอาย จนประชาชนเสื่อมศรัทธาและเอือมระอาอย่างที่สุด
และที่สำคัญ การทุจริตคอรัปชั่น เบิกบานอย่างมากในช่วงเวลาที่เผด็จการทางการเมืองที่อ้างว่าเข้ามาเพื่อเล่นงานการทุจริตคอรัปชั่นทางการเมือง แต่กลายเป็นยุคที่การทุจริตคอรัปชั่นเฟื่องฟูเสียเอง คนในแวดวงขั้วอำนาจรัฐประหาร เปิดประตูหลังบ้านจนร่ำรวยกันอย่างเอิกเกริก ไปมีคอนโดหรู มีบ้านพัก มีที่ดินในต่างประเทศ ทำได้โดยการตรวจสอบเอื้อมไม่ถึง เพราะองค์กรตรวจสอบพร้อมใจที่จะง่อยเปลี้ย ละเลยหน้าที่
ความขัดแย้งที่ฝังรากลึก ทำให้ผลการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยผิดเพี้ยนไปจากความต้องการของประชาชน แม้ว่าสุดท้ายขั้วประชาธิปไตยจะพลิกเกม จนทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็แลกมาด้วยเสียงโจมตีสารพัด โดยเฉพาะเรื่องตระบัดสัตย์ดึงพรรคที่ตั้งขึ้นด้วยอำนาจ 3 ป. เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อผ่าทางตัวอำนาจ สว. ที่ยังคงเหนียวแน่นกับการรับใช้ ด้วยอำนาจที่ได้รับมรดกจาก คสช. คือการเลือกนายกรัฐมนตรี
วันนี้ พรรคเพื่อไทย แม้จะฝ่ามาได้หลายด่าน แต่ก็ยังต้องเผชิญอีกหลายด่าน ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เส้นทางเดินทางการเมืองของ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ยังต้องพิสูจน์ฝีมือและความหนักแน่นทางการเมือง ชนิดที่เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ใครบางคนคาดหวังแน่ๆ
อนาคตจะสดใสเพียงใด ไม่มีใครกล้าฟันธง เพราะวันนี้ เมื่อ แพทองธาร ประกาศเป้าหมายในการเดินหน้าทางการเมืองอย่างชัดเจน ก็เท่ากับตกเป็นเป้าใหญ่ในทางการเมืองด้วยเช่นกัน
กรศิริ