23 ตุลาคม 2024

หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่าได้มี ส.ว. ที่งดออกเสียง และไม่เห็นชอบ ในการโหวตให้พิธาเป็นนายกฯ ได้ออกมาโอดครวญว่าถูกสังคมกดดันอย่างมาก

บอกได้เลยว่าฟังแล้วเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจแต่อย่างใด

เพราะในฐานะที่บอกว่าเป็น ส.ว. เป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะ เป็นส.ส. เป็นผู้แทนประชาชน ย่อมควรต้องรู้ตั้งแต่แรกมิใช่หรือว่า หากกระทำการที่สวนกับความต้องการของประชาชนแล้วผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

จะกล่าวอ้างเหตุผลใดๆก็ตามเพื่อไม่รับฟังมติของประชาชน ก็เป็นสิทธิที่ประชาชนที่แสดงประชามติไปแล้วสามารถที่จะหาเหตุผลไม่รับฟังเหตุผลได้เช่นกัน

ไม่ต่างกับที่ ส.ว. และ ส.ส.เหล่านั้นไม่ฟังเสียงของประชาชนนั่นแหละ

ถามจริง ไม่รู้จริงๆหรือว่าจะโดนสังคมไม่พอใจ กับสิ่งที่ได้ทำลงไปในครั้งนี้

ส่วนที่โอดครวญว่าประชาชนกดดัน ไม่ไปอุดหนุนธุรกิจที่ส.ว. และ ส.ส. กลุ่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น

เรื่องของการอุดหนุนในธุรกิจบริการ หรือสินค้าใดๆของประชาชน มันคือตลาดการค้าเสรีไม่ใช่หรือ

ใครพอใจจะอุดหนุนก็อุดหนุน ใครไม่พอใจจะอุดหนุนเขาก็ไม่อุดหนุน ก็แค่นั้นเอง

ในเมื่อ ส.ว. และ ส.ส.กลุ่มนั้นบอกว่าเสียงของประชาชน 14 ล้านเสียง หรือ 25 ล้านเสียง ไม่ใช่เสียงส่วนมากของประชาชนทั้งหมด อ้างว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับ 25 ล้านเสียง

แล้วแบบนี้จะสนใจอะไรกับเสียงส่วนน้อย 25 ล้านเสียงที่ไม่ไปอุดหนุนธุรกิจของพวก ส.ว. และ ส.ส.กลุ่มนี้

ในเมื่อสิ่งที่ทำ ในทางการตลาดต้องถือว่า ส.ว.และ ส.ส.กลุ่มนี้เลือกกลุ่ม segment ของตลาดตนเองอย่างชัดเจน

ทีประชาชน 25 ล้านเสียงขอให้รับฟังเสียงของประชาชนบอกว่าไม่สน แต่พอธุรกิจของตัวเองกลับอยากให้ 25 ล้านเสียงไปอุดหนุน ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ

ถึงได้บอกไงว่าฟังเสียงโอดครวญแล้วไม่ได้รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย

แต่ที่สำคัญ คือ ตลอดมา ส.ว. และ ส.ส.กลุ่มนี้กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนอย่างอิ่มเอมไม่มีลดไม่มีขาดสักบาทสักสลึง แม้ในช่วงที่เกิดโควิด 3-4 ปีมานี้ ขณะที่ประชาชนเจ้าของภาษีต่างหาก ที่เดือดร้อน รายได้มีปัญหา หนี้สินพอกพูน พวกเขา 25 ล้านเสียงจึงต้องการเปลี่ยนแปลง

จึงหวังว่าจะได้รัฐบาลใหม่มาเยียวยาแก้ไขปัญหาให้พวกเขาพ้นจากความเดือดร้อนในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา

แต่ ส.ว. และ ส.ส. กลุ่มนี้ กลับมองไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน 25 ล้านเสียงเหล่านั้น

ไม่เรียกว่าทำร้ายตัวเอง สร้างปัญหาให้ครอบครัวและธุรกิจของตัวเอง แล้วจะเรียกว่าอะไร

ตรงนี้จึงไม่มีใครที่จะช่วยได้จริงๆ

ที่สำคัญ การที่ประชาชนเขาไม่เชียร์ ไม่สนับสนุนธุรกิจของพวก ส.ว. และ ส.ส.กลุ่มนี้ พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้ไปบังคับ หรือข่มขู่ใครว่าจะต้องไม่ไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการใดๆ ประชาชนไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งใครอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

แต่ถ้าเขาพร้อมใจกันตรงนี้ บรรดากลุ่ม ส.ว. และ ส.ส. ทั้งหลาย ควรกลับไปทบทวนตัวเองดีกว่าไหม ว่าประชาชนเขาไม่ยอมรับ เขาไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนไม่ว่าวิธีคิด การกระทำ หรือธุรกิจ มันเป็นเพราะอะไร

เป็นเพราะพวกคุณไม่สนใจเสียงของประชาชนก่อนใช่ไหมล่ะ

อัคคี กัมปนาท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *